เขาหลอกให้ผมเป็นนักวิชาการ

..................อันที่จริง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเขียนขึ้นก่อนบทความอื่นๆ ก่อนที่ผมจะขึ้นมาปฎิบัติหน้าที่นี้เสียอีก แต่ด้วยความ
คิดว่าไม่น่าเอามาลงเผยแพร่ เมื่อเวลาล่วงเลยมานานมากพอดูแล้วก็กลับมาอ่าน ก็มาคิดอีกว่าเราเป็นคนเขียนนี่ ความคิดของ
เราเองนี่นา คิดอะไรก็เขียนแบบนั้น ไม่เห็นแปลก คนตายต่างหากที่ไม่ต้องคิด ไม่เป็นไร เอาก็เอา ก็นำมาลงเว็บซะดีกว่า อ่าน
ก็ได้ ไม่อ่านก็ไม่เป็นไร และอีกประการหนึ่งผมเคยส่งให้ผู้ใหญ่ที่ผมเลื่อมใสคนหนึ่งอ่านแล้วด้วย เริ่มต้นที่ผมไม่เคยเป็น
นักวิชาการ เพราะชีวิตรับราชการย้อนหลังตั้งแต่ จนท.พช.1 จนถึงปัจจุบัน อยู่แต่อำเภอรอบนอกนอก 4 จังหวัด 10 แห่ง เมื่อมี
คำสั่งให้ผมปฏิบัติหน้าที่เสมือนนักวิชาการ ผมเริ่มทำอะไรให้ตัวเองไม่ถูก เพราะเท่าที่ดูตำราก็ดี เท่าที่ฟังมาก็ดี เท่าที่ภาพใน
สำนึกก็ดี นักวิชาการก็เป็นผู้รู้ แต่งตัวดี เป็นที่พึงเชิงวิชาการ ก่อนวันแรกที่ต้องไปรายงานตัว ผมนอนไม่หลับ เพราะไม่รู้ว่า
พรุ่งนี้จะต้องทำอย่างไรบ้าง แต่ก่อนหน้าวันนี้ผมพึ่งตัดสินใจซื้อเสื้อผ้า กางเกง ตามมโนภาพของผม ว่ากางเกงต้องเป็นกลีบ
เสื้อต้องรีด พอถึงวันรายงานตัว ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่อุตส่าห์ตัดสินใจซื้อ แล้วก็ไปส่องกระจก เชื่อไหมครับ
ผมอายตัวเองครับ ผมไม่เคยเห็นตัวเองแต่งตัวอย่างนี้มาก่อนเลย วันแรกของการทำงานก็โอเค วันต่อๆมาซิครับ กางเกงที่ผม
ซื้อมันมีแค่ 2 ชุด ผมก็เริ่มใส่เสื้อตามสไตล์เก่าผสมกับกางเกงนักวิชาการตามมโนภาพ หลายคนก็คงงงว่าอะเมซิ่ง...แน่นอน
ต่อมาอีกไม่นานผมก็เริ่มรู้ว่า นักวิชาการตามมโนภาพก็เป็นมโนภาพจริงๆ ผมก็กลับไปค้นตำราอีกว่านักวิชาการคืออะไร มัน
ก็คือมโนภาพเดิมนั่นแหละ เอ้า.....นี่มันอะไรกัน ผมงงมากแล้วทำไมนักวิชาการไม่เหมือนมโนภาพ ผมนึกย้อนไปถึงภาพ
ตอนที่ผมควักสตางค์จ่ายค่าเสื้อและกางเกง โอ้มายก๊อด .. แล้ววันที่ผมเหนียมอายตัวเองที่ส่องกระจกเพื่อเป็นนักวิชาการใหม่
ก็เริ่มหายไป หรือว่าผมคิดผิดไปเองว่านักวิชาการต้องเป็นอย่างที่ผมคิด อาจจะใช่เพราะผมไม่เคยอบรมแบบนี้มาก่อนเลย ผม
เคยอยู่แต่อำเภอรอบนอกแล้วก็คิดไปเอง ผมมีโอกาสเห็นภาพกว้างๆหลายๆอำเภอก็เมื่อผมได้ทำหน้าที่เสมือนนักวิชาการ
งานที่ผมคิดอยากทำตั้งหลายอย่าง งานที่ผมอยากลุยก็เยอะ วิญญาณพัฒนากรรอบนอกเริ่มแรง แต่ก็ลุยไม่ได้ ตัวเลขเต็มไป
หมดอยู่ข้างหน้าผม รวบรวมเอกสารหลายร้อยฉบับ แต่ด้วยความไม่ถนัดจริงๆ แล้วก็ด้วยความอยากลุยว่าน่าจะทำอะไรได้
มากกว่านี้ ผมอยู่อำเภอรอบนอกผมนึกภาพออกทั้งอำเภอ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ผมเป็นเสมือนนักวิชาการทำไมผมนึกภาพอะไร
ไม่ออก นึกภาพงานของโต๊ะข้างๆห่างไม่ถึงเมตรไม่ได้ แล้วผมก็นึกภาพ 22 อำเภอกับ 2 กิ่งอำเภอบอดอย่างสนิท ภาพความ
ขัดแย้งในใจผมเริ่มเกิดผู้มีความรู้ แต่งตัวดี เป็นที่พึ่งทางวิชาการ กับมโนภาพตัวเลขในภาพรวม ใจเริ่มผมอึดอัดมากขึ้น เมื่อ
มีงานอยู่หลายงานมากที่ผมต้องทำ เช่นเรื่องนักวิชาการขนของ ผมไม่ทราบว่าผมเกี่ยงงานหรือไม่ คงไม่ใช่ มันคงเป็นมโนภาพ
ที่ขัดแย้งในความคิดตั้งแต่ต้น กับความเป็นจริง ณ เวลานั้น ผมก็เริ่มเปรยปนบ่นออกมาว่า เขาหลอกให้ผมเป็นนักวิชาการ ....
ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ทำไมผมทำอะไรได้ไม่มากกว่านี้ ผมเริ่มนึกถึงลุงมีที่อำเภอเวียงแหง ผมอยากจะสื่อสารอวดไปบอกลุงมีว่า
ตอนนี้ผมเป็นเสมือนนักวิชาการแล้วนะ แล้วงานที่ผมรับผิดชอบเนี่ยผมอยากจะอวดหน่อย แกคงจะดีใจไม่น้อยว่าคนที่เขา
เคยต้มไก่ให้กิน เป็นนักวิชาการตามมโนภาพเหมือนผม แต่ผมคงไม่อยากให้ลุงมีเห็นผมตอนที่ผมกำลังใส่เสื้อผ้าใหม่เป็นกลีบ
ขนโต๊ะ แล้วผมก็คิดไปว่าทำไมผมเป็นเสมือนนักวิชาการที่ไม่ต้องอบรมแล้วก็ทำไม่เหมือนชาวบ้านไม่ได้ ผมก็พยายามยืน
หยัดความเป็นตัวของตัวเองมาตลอด มันน่าจะทำอะไรเหมือนมโนภาพที่เราเคยมีอยู่ในสมองแม้ว่าตอนนี้กางเกงกับเสื้อเป็น
กลีบผมเริ่มไม่มี ก็เลยหาแบบเก่าใส่ เสื้อลายที่ชอบบ้าง กางเกงออกนักเลงบ้าง ก็ไม่เป็นไร ผมเริ่มเบนมาทำเรื่องไอที อันที่จริง
ก่อนที่ผมจะมาทำหน้าที่เสมือนนักวิชาการก็ทำหน้าที่นี้อยู่แล้วแต่อยู่อีกที่เท่านั้นเอง เมื่อผมเห็นภาพกว้างใหญ่ ทำไมไม่คิด
จะทำอะไรจะเป็นอะไรได้มากว่านี้ ร้อยเรียงเข้าหากันได้ไหม ประเพณีก็คือประเพณี วัฒนธรรมก็คือวัฒนธรรม ผมถ่างสองขา
แต่ขาที่ผมถนัดและไม่ฝืนใจตัวเองเป็นขาอนาคต มองไม่เห็นตัว กับอีกขาหนึ่งเป็นขาไม่ถนัด เอกสารกองอยู่ต่อหน้าต่อตา
หัวแดงทุกฉบับ ผมก็เริ่มจัดระบบตัวเองขาไม่ถนัดก็ฝืนทำซะ ขาถนัดเอากับไปทำที่บ้าน ขาที่ถนัดก็เริ่มชัดเมื่อมีอะไรๆมา
สอดคล้องกันเยอะไปหมด เช่นปฏิรูประบบราชการ ตั้งกระทรวงไอที อีก็อปเวอเมน เว็บไซด์ อินเตอร์เน็ต อีคอมเมริส เข้ามา
เต็มไปหมด ทุกครั้งที่เรื่องประเภทนี้เข้ามาเจ้าของเรื่องรู้สึกอึดอัดนึกภาพไม่ออกว่าอีคอมเมริสคืออะไร แอคเค๊าน์เทรดคืออะไร
แผนที่โอท็อปทำอย่างไร รายงานทางเอฟทีพี ไม่รู้จะทำอย่างไร ผู้ที่เข้ามาคัดสรรบอกว่าขอส่งเอกสารที่ขาดไปหน้าเดียวทาง
อีเมล์ได้ไหม หน้าซีดเลยครับ อันที่จริงทั้งหมดที่เล่ามามันเป็นความรู้สึกจริงๆว่าผมอยากเห็นภาพในมโนสำนึกภาพของ
นักวิชาการที่ฝังใจผมตั้งแต่ผมเริ่มทำงานใหม่ๆ มีไหม นึกในภาพกว้างทั้งหมด มีกี่อำเภอก็ต้องนึกภาพกว้างทั้งหมด ที่พึ่ง
ทางวิชาการโดยเฉพาะเรื่องใหม่ช่วยเขาได้ไหม ถ้าเรามัวแต่หน้าซีดแล้วอำเภอไม่หน้าเหลืองหรือ อันที่จริงผมเป็นนักวิชาการ
ไม่ได้หรอกไม่ว่าเป็นนักวิชาการในมโนสำนึกของผมหรือว่าเขาหลอกให้ผมเป็นนักวิชาการก็ไม่ได้ทั้งนั้น ผมอาจเป็นได้แค่
คนนำทาง อีกเส้นทางหนึ่งโดยเฉพาะเรื่องไอทีแบบเน็ตเวริก เข้าระบบให้เร็ว หน้าจะได้ไม่ซีด โลกมันเปลี่ยนแปลงไปเยอะ
ทำให้เป็นระบบ เคลื่อนให้เข้าระบบ มองเป้าไปหาคนแบบลุงมี ผมก็ไม่ใช่เทวดา เพียงผมมาบอกว่าทางของผมมันอาจจะถูก
หรือผิดก็ได้ ไม่ทราบได้ ทำไมกรมฯมี CDDOC ทำไมจังหวัดมี POC ทำไม ม.ช.รับทำ E-CHIANGMAI ทำไมไทยตำบลถึง
ได้ติดลมบนอย่างเหนือชั้น ทำไมผู้ประกอบการขอส่งเอกสารแบบอีเมล์ ผมไม่ทราบจริงๆรู้เพียงนึกไปว่าเขาหลอกให้ผมเป็น
นักวิชาการ ก็คงจะขออนุญาตจบแบบนี้ก็แล้วกัน ย้ำอีกครั้งว่าเป็นเพียงความคิดของคน คนหนึ่งเท่านั้น ที่อยากจะเห็นอะไรๆ
ที่ไม่รู้เหมือนกันที่มันเยอะไปหมด และอันที่จริงฉบับแรกที่ไม่ได้ลงข้อความ เพี้ยนจากนี้ไปเยอะ ก็คงต้องลดความก้าวร้าว
ของคำพูดลงกว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนสาระและความตั้งใจก็เหมือนที่เขียนมาทั้งหมดนี่แหละ ถ้าไม่เชื่อผมวันหนึ่งผมจะชวนท่านไป
เที่ยวดูที่ ม.ช.ที่ที่เขาทำ E-CHIANGMAI ไปด้วยกันเถอะขอร้อง........แล้วก็จะพาไปดูหมีแพนด้าคำเอ้ยกับคำอ้ายที่สวนสัตว์
แถมด้วยก็ได้ ...เอ้า...ผมเอาไผ่ตงโครงการหลวงมาฝาก กินซะ เขาหลอกหมีแพนด้ามากินไผ่ตงเมืองไทย ถูกหลอกเหมือนกัน
เขาหลอกหมีแพนด้ามาเป็นนักวิชาการ.............เขาหลอกหมี.....................ๆๆๆๆๆๆๆ

เข้าทางคนบ้าคลิ๊กเลย

กลับเว็บสีน้ำเงิน เว็บมีชีวิต พช.เชียงใหม่                                                       5/2/47lek

1
Hosted by www.Geocities.ws