สรุปคำกล่าวของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์)

ในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อประเมินผล

โครงการคัดสรรสุดยอด หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย

วันที่ 8 สิงหาคม 2546

  โรงแรมอมิตี้ กรีน ฮิลล์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

----------------------------

                    ท่านผู้ช่วยรัฐมนตรี ท่านอธิบดีฯ ท่านรองอธิบดีฯ ท่านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และเพื่อน ๆ        ข้าราชการทุกท่าน ผมมาวันนี้ ตั้งใจมาโดยเฉพาะ ตั้งใจมาเพื่อกล่าวขอบคุณข้าราชการของกระทรวงมหาดไทย ตั้งใจมาเพื่อกล่าวขอบคุณท่านรัฐมนตรี ประชา  มาลีนนท์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการกรมการพัฒนา-ชุมชน และทุก ๆ  ท่าน ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจผลักดันให้งานคัดสรร นตผ.ไทย  ประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้ ถ้าไม่มีพวกท่านงานเมื่อวานนี้ก็คงไม่เกิด ฉะนั้น จริง ๆ  แล้ววันนี้ ต้องไปพบท่านนายก แต่ผมมาทางนี้ก่อน เพราะว่าท่านลงแรงให้ผมมาพบท่านประธานขนาดนี้ เป็นสิ่งที่ผมต้องมาเพื่อกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ ก็ขอรีบคำขอบคุณจากผม

                    งานที่ท่านนายกได้แต่งตั้งให้ผมเป็นประธานคณะอำนวยการ นตผ.แห่งชาติ ผมตั้งใจไว้แล้วว่า ผมจะพยายามทำให้โครงการ OTOP เป็นโครงการที่สามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับของเศรษฐกิจท้องถิ่น     แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถผลักดันไปสู่ตลาดโลกได้ ที่ผมกับคณะเรียกว่า Local Links – Global Reaches     ผมถือว่านี่เป็นนโยบายที่สำคัญมาก ๆ  พวกเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า แต่เดิมการพัฒนาเศรษฐกิจเมืองไทย       ส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างจะละเลยในเรื่องของการพัฒนาชุมชนชนบท และหันไปเล่นในเรื่องการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามา เป็นการผลิตเพื่อส่งออก การท่องเที่ยว แต่ขาดการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจท้องถิ่น โครงการ OTOP จะเป็นตัวเชื่อมโยงอย่างดี ทำไมสินค้าส่งออกจะต้องจำกัดอยู่เฉพาะแค่คอมพิวเตอร์ ชิพ รถยนต์ ทำไม   ไม่เป็นสินค้าที่ผลิตจากท้องถิ่น ทั้ง ๆ  ที่สินค้าเหล่านี้ หาที่แข่งขันไม่ได้อีกเลย ทำไมต้องนึกถึงเฉพาะสินค้าเกษตรที่ขาดการแปรรูป ผมมาคิดว่า ถ้าเราทำ OTOP ให้ดี แล้วเชื่อมโยงสู่ตลาดโลก จะเป็นตัวพลิกการบริหารเศรษฐกิจของประเทศจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผมเรียนท่านนายกว่า 2 โครงการ ที่มีความสำคัญมากคือ โครงการ OTOP และผู้ว่า CEO  2 นโยบายนี้ จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินในอนาคตข้างหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง แต่จะเป็นการเปลี่ยนไปในทางที่เป็นประโยชน์สูงยิ่ง  ในซีกของผู้ว่า CEO เป็นการกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปสู่ภูมิภาค GОሀ¿ကЀ蝜
橢橢珃珃О鐢ᦡᦡ䆮???]ŐŐŐŐŐŐŐǤǤǤǤǤȀǤ
ĴȠpʐʐʐʐʐʐʐබ [1] මමමමමම$ཕǴᅉ²ොEŐʐʐʐʐʐොัด เพราะฉะนั้นผู้ว่าราชการจังหวัด Balance ระหว่างความมั่นคงของจังหวัด และความมั่งคั่งของจังหวัด ความมั่งคั่งของจังหวัดจะเกิดขึ้นได้อย่างไร คือ   เรื่องของพืชผลที่ผลิตได้ในท้องถิ่น    เรื่องของ   OTOP      จะช่วยเสริมสร้างกิจกรรมการผลิต    การบริการ          

 

กิจกรรมทางเศรษฐกิจขึ้นในท้องถิ่น ถ้าเราทำให้ดี กิจกรรมอันนี้จะเริ่มจากกิจกรรมในครัวเรือน  กิจกรรม        ในครอบครัว ขยายสู่กิจกรรมในชุมชน ยกระดับไปสู่ SMEs เป็นบริษัทที่ใหญ่ขึ้นและผลักดันให้สามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าไปตลาดโลก ซึ่งในอดีตลืมได้เลย  ในอดีตการจะส่งสินค้าไปตลาดโลกได้ ต้องมีความสามารถในเชิงการแข่งขัน ต้นทุนต้องต่ำ ต้องมีนายหน้ามาจัดซื้อ สมัยนี้ ถ้าสินค้าของท่านดี มีความแปลกใหม่  ถูกรสนิยมต่างประเทศ ท่านสามารถค้าขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้ทันที  ถ้าสินค้าของท่านที่ผลิตโดยชุมชน เป็นที่ต้องตา ต้องใจของชาวต่างประเทศ  ท่านสามารถส่งหน่วยจัดซื้อมาที่หมู่บ้านโดยตรง สั่งซื้อล๊อตใหญ่ ๆ        ท่านลองนึกภาพดูก็แล้วกันว่ จะทำอะไรเกิดขึ้นกับความเปลี่ยนแปลงในท้องถิ่น ผมทำนายได้เลยว่า ในไม่ช้า   จะมีหลายท้องถิ่นที่สามารถผลิต และจำหน่ายสินค้าโดยตรงผ่านอินเตอร์เน็ตกับต่างประเทศ และจะมีขบวนการครั้งใหญ่ที่ทำให้ท้องถิ่นสามารถผลิตสินค้าคล้าย ๆ  กัน เป็นสินค้าที่ดีและส่งออกได้  ฉะนั้น ในใจผมนั้น OTOP สำคัญมาก แต่สิ่งที่ผมจะทำด้าน OTOP คือการทำลายกำแพงระหว่าง กระทรวง ทบวง กรม เพราะ OTOP ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงหนึ่งกระทรวงใด ผมจึงได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 4-5 ชุด ชุดที่มีความสำคัญมากก็คือ    ชุดที่พวกท่านดูแลอยู่ เพราะชุดนี้เป็นชุดที่ตัดต่อเข้าไปถึงระดับรากหญ้าจริง ๆ  คลุกคลีกับชาวบ้านจริง ๆ      เป็นหน้าด่านระหว่างรัฐบาลกับชาวบ้าน  ชาวบ้านอาจจะถามท่านว่า ทำไมต้องมี Product Champion มีไว้เพื่ออะไร ตอบได้ทันที 2 ปีที่ผ่านมา เกิดความตื่นตัวมาก ทุกคนพูดถึงแต่โครงการ นตผ. ทุกคนเร่งการผลิตใหญ่    แต่ในบางครั้ง เร่งการผลิตจนไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน เร่งการผลิตแล้ว ดีใจกันได้พักเดียว แต่ขายไม่ได้ อยู่แค่ท้องถิ่น ซักพักเดียวความมุ่งมั่นก็จะหายไป ฉะนั้น หัวใจจึงอยู่ตรงนี้ว่า ทำอย่างไร ประการที่ 1 ทำอย่างไรจะให้ท้องถิ่นค้นหาความสามารถพิเศษของท้องถิ่นออกมา ผลิตสินค้าที่เป็นสินค้าประจำท้องถิ่นออกมาให้ได้เรียกว่า เอาจุดแข็งของท้องถิ่นออกมา จังหวัดไหนควรจะผลิตสินค้าอะไร เป็นสินค้าธงนำ  บอกได้ว่า จังหวัดเชียงใหม่ คือสินค้าตัวนี้  สุราษฎร์ คือสินค้าตัวนี้ สมุยคือสินค้าตัวนี้ ไม่ใช่ผลิตแค่ให้คนไทยรู้ แต่ผลิตให้ต่างประเทศ        รู้ส่วนจะมีสินค้าตัวอื่นมาแซมไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยเมื่อเอ่ยถึงจังหวัดนี้ อำเภอนี้ ตำบลนี้ ให้รู้ว่า สินค้านี้แหละคือ จุดเด่นของจังหวัดนี้ เพื่ออะไร เพื่อเมื่อชื่อเสียงมันเกิด  ยกตัวอย่างเช่น มีดอรัญญิกของอยุธยา เมื่อชื่อเสียง  มันเกิดก็จะทำให้จังหวัดมีชื่อขึ้นมา เวลาที่ใส่ข้อมูลในเว็บไซต์ติดต่อต่างประเทศ  จะทำให้ทราบได้เลยว่า อยุธยามีอะไรบ้าง สร้างแบรนด์เนมขึ้นมา สร้างยี่ห้อขึ้นมา อีกหน่อยนักท่องเที่ยวเวลาเดินทางเข้ามา แทนที่     จะมาแค่ว่าพักโรงแรม แล้วออกไปเดินเที่ยวชมแค่นั้น ความคิดจะเปลี่ยนไป เขาจะเริ่มอยากไปเที่ยวชมหมู่บ้านอรัญญิก ทำมีด ทำซ่อม ทำกันอย่างไร อีกหมู่บ้านหนึ่งสินค้า คือ เซรามิค อยากจะไปดูว่า เซรามิคที่ขึ้นชื่อของลำปางเป็นอย่างไร ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถึงท้องถิ่น ไปซื้อสินค้าผ้าทอ ผมเห็นผ้าทออย่างดีชาวเขาทอขึ้นมาทอเป็นเดือนขายชิ้นหนึ่ง 2-3 ร้อยบาท เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าได้เข้าไปดูว่า วิธีการทอ    ลำบากนะ ไม่ใช่ง่าย ก็สามารถกำหนดราคาที่เหมาะสม เขาก็ยินดีที่จะจ่าย ผมไปญี่ปุ่นมา ไปดูโรงงานทอไหมของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อ ทุกคนพอไปดูที่ร้านทอไหมเนคไท เส้นหนึ่ง แสนเยน ทุกคนยินดีจ่ายแสนเยน เพื่อซื้อเนคไท 1 เส้น นี่คือการจ่ายเงินซื้อสินค้าบวกกับคุณค่าที่เราให้กับสินค้านี้จำเป็นมาก  เพราะฉะนั้น ทำอย่างไรที่จะ    บอกว่า 76 จังหวัด จุดเด่นของ 76 จังหวัดนั้นคืออะไร แล้วก็ให้การท่องเที่ยวสานต่อ  สื่อข้อความให้กับ          นักท่องเที่ยวได้ทราบ เพราะฉะนั้น นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็จะรุกเข้าไปในจังหวัดนั้น   

เพื่อซื้อสินค้านั้น    วันนี้ สินค้าที่ผลิตในชุมชนต้องแสวงหาที่มาโชว์สินค้า ในอนาคตต้องให้นักท่องเที่ยว    เข้าไปหาซื้อสินค้าในหมู่บ้าน  ตำบล ในอำเภอ ในจังหวัด  นี่คือข้อที่หนึ่ง  ข้อที่สองเรื่องของคุณภาพมาตรฐาน วันนี้ต้องยอมรับว่าเราภูมิใจในสินค้าท้องถิ่น และเรื่องมาตรฐานเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โครงการ Product Champion ที่เราแบ่งเป็น 3 ดาว 4 ดาว 5 ดาว จุดประสงค์ไม่ใช้เพื่อมาโชว์  แต่จุดประสงค์ คือ เมื่อเรากระตุ้นให้ทุกคนตื่นตัวในท้องถิ่น ผลิตสินค้าขึ้นมาแล้ว ถ้าเราแยกเกรดได้ว่า 3-4-5 คืออะไร ทำไม  3 ดาว ไม่ได้ 4 ดาว 4 ดาว ไม่ได้      5 ดาว จุดอ่อนอยู่ตรงไหน เราก็จะมีอนุกรรมการหนึ่ง คือ อนุกรรมการมาตรฐานฯ เข้าไปช่วย อนาคตข้างหน้าถ้าเป็นเรื่องอาหาร ก็จะให้สถาบันอาหารเข้าไปช่วย  ถ้าเป็นเรื่องดีไซน์ ก็จะมี Grouping ของดีไซน์ เข้าไปช่วย สินค้าบางตัวต้องยอมรับว่า ตาเราไม่ถึง แต่ถ้าให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะดู จะรู้เลยว่าสินค้าตัวนี้ดัดแปลงเพียงนิดเดียว สินค้าจะดูดีมาก ต้องมีทีมงานเหล่านั้นช่วยไปเสริม ยกระดับจาก 3 ดาว เป็น 4 ดาว  4 ดาว เป็น 5 ดาว  นี่คือกระบวนการที่ต้องไปซ่อม ไปตรวจสอบ ไปฝึกอบรมให้ชาวบ้านมีความเข้าใจ ผมพยายาม Link กับ Jetro      ของญี่ปุ่น ในอนาคตก็พยายาม Link กับต่างประเทศ ให้เอาผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศเข้ามาในระดับท้องถิ่น       เป็นการยกระดับสินค้าให้เกิดขึ้น  เวลาที่ไปดูชาวบ้านผลิต บางครั้ง ทั้งชื่นชม ทั้งสงสาร เขาภูมิใจกับสินค้าที่เค้าผลิตมาก แต่ใจเราอยากจะบอกว่า มันยังไม่ถึงจุด ยังไม่ถึงจุดที่จะสามารถไปจำหน่ายในตลาดโลกได้ ถ้าทำได้   แค่นี้จะจำหน่ายได้ในราคา 300 บาท  แต่ถ้าเพิ่มเติมอีกนิดอาจจะขายได้ในราคาเป็นพันเป็นหมื่นได้  เมื่อวาน  สินค้าที่โชว์อยู่จะเห็นได้ชัด มีขายผ้าที่ทอพิเศษ  ใส่เมล็ดข้าวอยู่ในผ้า  ดีไซน์พิเศษ  5 – 6 ปีที่แล้ว ก็ธรรมดา     ทอผ้าธรรมดา แต่วันนี้ก้าวมาอีกขั้นหนึ่ง  ผืนหนึ่งที่ขายประมาณเป็นหมื่นบาท  นี่คือความยากของ OTOP       ทำอย่างไรจะยกระดับจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง  โดยที่ไม่ทำให้ชาวบ้านเสียกำลังใจ  นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมกระทรวงทำคนเดียวไม่ได้  ต้องเอาหลาย ๆ  กระทรวงเข้ามา เพราะฉะนั้น ใครที่เข้ามาทำงาน  OTOP กับผม    ให้ลืมคำว่า กระทรวงได้  ไม่เคยมีมาก่อนในประะวัติศาสตร์ที่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม จะมาร่วมมือกันอย่างนี้  อีกหน่อยต้องมีกระทรวงเกษตรเข้ามา  เฉพาะวันนี้ นี่คือเหตุผล ที่ว่าทำไมต้องมี Product  Champion  แค่นั้นไม่พอ พอยกระดับขึ้นมาอย่างแท้จริง  ผู้ซื้ออย่างแท้จริงไม่ใช่       คนไทย  ต้องเเป็นกลุ่มคนเป้าหมายที่เราดีไซน์ไว้เลยว่า ควรจะเป็นกับใคร  เช่น อาหารแปรรูป ทำดี ๆ             ออกมาแล้ว เราก็ติดต่อ เช่น  Top  Supermarket เอาสินค้าเหล่านี้ขึ้นห้าง  ถ้าพัฒนนา Packaging  ดียิ่งขึ้น  สำหรับห้างต่างประเทศ  ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วทีหนึ่งทางทีวี  มีคนมาฝากผม ทองม้วนไส้ช๊อกโกแลตห่อด้วย           กระดาษทอง ยาวประมาณเท่านี้   ถ้าเป็นซิกก้า แพงระเบิด  พอแกะออกมาดู เคี้ยวเข้าไปคำแรกก็คือทองม้วน  ไส้ช๊อกโกแลตนั่นเอง    คำว่าทองม้วนไทยแพงไปหรือเปล่า  ไม่แพง  ช๊อกโกแลตทำได้ไหม  ไม่ยาก  Packaging   ทำได้ไหม  ไม่ยาก  ทำได้  คำตอบคือว่า  แล้วทำไมถึงไม่ทำ  ผมไปสุราษฎร์ธานี ประกวดชนะเลิศหลายดาว  กาละแมจากสมุย  ดีขึ้นมาหน่อยหนึ่ง  ก็ยังมี Packaging ประเภทท้องถิ่น Size ขนาดนี้ ฝรั่งที่ไหน     จะซื้อกาละแม Size ขนาดนี้ไปทาน สีก็สีดำ นี่คือ กระบวนการที่จะทำอย่างอย่างไร ที่จะเอาสินค้าเหล่านี้ไปขายตลาดโลก ทำเป็นชิ้นเล็ก หีบห่องดงาม Packaging ที่ราคาเหมาะสม นั้นวิธีทางการตลาดที่จะต้องนำมาช่วยกัน สินค้าที่ขายได้ไม่กี่บาท มันจะกลายเป็น 100 เป็น 1,000 ฉะนั้น เราก็ตั้งใจว่า 4 ดาว 5 ดาว คือ ระดับที่คิดว่า     ไม่ได้แล้ว ต้องหาสถานที่ที่เปิดโชว์ เพราะตั้งใจว่า เดือนหน้าจะโชว์ครั้งใหญ่ที่กรุงเทพฯ ประมาณวันที่ 1-10   

จะเอาเข้ามาโชว์เต็มที่ แล้วก็ติดต่อ Buyer คือ ผู้ซื้อจริง ๆ  ให้เข้ามาเลย ต้องเอาอนุกรรมการที่มีหน้าที่เข้ามาซ่อม มาเสริม แนะนำ ได้เข้ามาดู เอากลุ่ม Designer เข้ามาดู เพื่อช่วยเหลือพัฒนาและในงานนั้น จะต้องให้มีครบทั้ง  วิธีการ ซ่อม เสริม และให้สามารถจำหน่ายได้ด้วย

                    เราพยายามจะจัดเป็นงานใหญ่ ประมาณต้นกันยายน แต่เนื่องจากเราเร่งเวลามาก พอดีมี       งานหนึ่งเกิดขึ้นมา คือ งาน APEC SMEs ที่เชียงใหม่ และคิดดูว่า กลุ่มที่จะมาคือใคร เป็นรัฐมนตรี เป็นกลุ่มซึ่งมีอำนาจเรื่องของ SMEs จาก 20 กว่าประเทศ มีคณะฑูตานุฑูต มีผู้สั่งซื้อ ชาวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก            20 กว่าประเทศ เข้ามาดู ฉะนั้น จะทำอย่างไรที่จะใช้จังหวะนี้ สร้างความตื่นตา ตื่นใจ พูดง่าย   คือ ปากต่อปาก ให้เกิดความรู้สึกพลิกผันเป็นไปได้อย่างไง OTOP  ของไทย 2 ปี ถึงได้จุดนี้ เราก็ให้คณะอีกคณะหนึ่งเข้ามาเลือกดูว่า ใน 500 ชุด นี้ สินค้าอะไรบ้างที่ฟิกกับความรู้สึกของตลาดโลกขณะนี้ ฉะนั้น 500 ตัวที่ผ่านการคัดสรร        5 ดาว มันเป็นไปไม่ได้ ที่ทั้ง 500 ตัวนั้น มันฟิกกับความต้องการของตลาดโลก  เราต้องยอมรับเลยว่า สินค้าตลาดโลก ฝรั่งสนใจอีกอย่างหนึ่ง รสนิยมอีกอย่างหนึ่ง ฉะนั้น เป้าหมายว่า ทำอย่างไรให้เขาเข้ามาดูแล้วตื่นตลึง โอ่ ใช่ซิ ชอปปิ้ง ไชน่า จากญี่ปุ่นมีฐานลูกค้าเป็นล้านคน ผมอยากให้เขามาดู มาฉาย ติดต่อ เพื่อให้คนญี่ปุ่นที่นั่นตกใจกับสินค้า OTOP

                    ฉะนั้น ต้องมีการเลือกสรรอีกครั้งหนึ่ง ได้มา 200 กว่าตัว บวกกับของเดิมซึ่งเขาได้มา             ติดลมแล้ว มาประกอบกันเพื่อให้ภาพที่ออกมาทั้งหมด สร้างความตื่นตลึงให้กับฝรั่ง และ Buyer ทั้งหลาย        พูดง่ายคือว่า เป็นงานที่จุดไฟสร้าง Impact  กับต่างประเทศโดยเฉพาะ

                    ฉะนั้น งานที่ดีไซน์ออกมา ถ้าท่านไปดู ท่านจะเห็นชัดเจน มันจะเป็นลักษณะของสินค้าที่มี    ภูมิปัญญาไทย เบนเข้ากับรสนิยมตลาดโลก และไม่ว่าผลคืออะไร ผมจำได้เลยว่า รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง SME        ที่นั่งข้าง ๆ  ผม ทานข้าว มาเลเซีย เขาแปลกใจมากว่า ของเขาเป็นพันอย่างไร OTOP เข็นมาถึงระดับนี้  ญี่ปุ่น    เจโทร ที่เข้ามาช่วย ปีที่ผ่านมาเจโทรมาช่วยเรา  ผมทำนายได้เลยว่า อีก 2 ปี ข้างหน้า ดีไมดี ญี่ปุ่นต้องมาดูงานจากเรา เพราะสินค้าของท้องถิ่นเรา 76 จังหวัด มีสินค้าดี ๆ  ที่แตกต่างกันเยอะมาก ไม่ว่าอาหาร เครื่องนุ่งห่ม  ของที่ใช้ในบ้าน มีครบทุกประการ สินค้าสปา เป็นสินค้าอนาคตที่ผมทำนายได้เลยว่า จะทำรายได้มหาศาล      ขอเพียงอย่างเดียว ดีไซน์ทั้งหลายต้องเข้าไปช่วยเขา พวกเครื่องหอม เทียนธูป มันเป็น New trian ของโลก ฉะนั้นนี่คือ ที่มาว่า ทำไม เมื่อวานนี้ ไม่สามารถเอาสินค้าทั้งหมดที่ชนะ Product Champion มาโชว์ได้ทั้งหมด เพราะถ้าหากว่าต่างประเทศมาดูแล้ว เขาไม่พร้อมกับการรับสั่งเหล่านี้ ถ้าเขา Say No ไม่ถูกต้อง รสนิยมจบเลย แต่เมื่อวานนี้ ทันทีที่มาแล้ว ผ่านไปแล้ว ทุกคนรู้ไหม แม้กระทั่งนายกฯ ประทับใจมาก พอประทับใจมาก      ปากต่อปากมันออกไป เดือนหน้าที่ Impact เราโชว์ เอาผู้ซื้อเข้ามา พยายามดูว่า ตอนตุลาคม จัดอีกรอบหนึ่งที่ ตอนที่ Leader มาที่ กทม. วันนั้นสินค้า OTOP มันก็เริ่มติดแล้ว พอติดแล้ว หน้าที่ของท่านจะเป็นหน้าที่             ที่ใหญ่หลวงมาก เวลาที่คนสั่งซื้อ สิ้นเดือนกระผมกับคณะ จะไปที่อังกฤษ จะไปชายกับภัตตาคารชั้นนำ ภัตตาคารไทย คือ Blue Elephant  ฝรั่งเป็นเจ้าของ ที่น่าเสียดายมาก เช่น ภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุด แต่ฝรั่งเป็น      

เจ้าของ แต่เขาดีกับเรานะ เราจะไปเซ็นสัญญากับเขา เอา OTOP ที่ชนะคัดเลือกไปเพื่อไปโชว์ที่ร้านของเขา      ทั่วโลก เราจะไปคุยกับร้านอาหารไทยดี ๆ  ผมกำลังคิดอยู่ว่าร้านอาหารไทยที่ขึ้นชื่อของโลก เราจะลงทุนซื้อ TV ปะข้างฝา plass หน้าจอ plass หน้า และเวลาที่เขาทานอาหาร เราเอาสินค้า OTOP โชว์ และมีสินค้าจริง ๆ         ตั้งโชว์ มีแคตตาล๊อกวาง เวลาเขาสนใจ เขาสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตได้ ท่านข้ามพ่อค้าคนกลางไปทันที คือ จะเล่นกันอย่างนี้

                    ฉะนั้น เขาจะเริ่มสั่งซื้อ พอเริ่มสั่งซื้อ เราต้องแน่ใจว่า สินค้าที่เขาสั่งซื้อ เราสามารถผลิตได้ มาตรฐานเหมือนกัน และก็สามารถสั่งผลิตได้ lot ใหญ่พอที่เขาต้องการ เขาสั่งซื้อ 10,000 ชิ้น เราให้ได้ 300 ชิ้น ก็หมดท่าเลย ฉะนั้น สิ่งที่จะมาในอนาคตคืออะไร มันจะต้องมีบางหมู่บ้านจับพัดจับถู  แจ๊กพอทแน่นอน เพราะสั่งซื้อมา  สมมุติสั่งซื้อกระเป๋าทำด้วยเชือกกล้วย  สมมุตินะ 2,000 ใบ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ 1 เจ้าจะผลิตกระเป๋า 2,000 ใบ เขาก็จะเริ่มชักชวนให้ชาวบ้านมาช่วยเขาผลิต และดีไม่ดีจะสับ Contact ให้กับหมู่บ้านอื่น ทำขั้นต้นมา และเข้ามาทำตกแต่งอีกขั้นหนึ่ง ตรงนี้สำคัญมาก ๆ  มันจะเกิดสิ่งที่เราเรียกว่า วิสาหกิจชุมชนที่ขยายออกมา     ซึ่งเป็นหน้าที่ของพวกเรา ที่ต้องเข้าไปช่วยดูแลว่า ทำอย่างไรที่จะคลุมมาตรฐานตรงนั้น เข้ามาช่วยกันให้สินค้าส่งออกไปได้ ท่านหลับตานึกภาพ มันต้องเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา สินค้า 1 ตัว ที่ขึ้นชื่อ จะเริ่มทำกันทั้งหมู่บ้าน มีงานทำ ถ้าผลิตสินค้าได้  ป้อนตลาดได้  กิจกรรมเศรษฐกิจจะมีมหาศาล จากวันนั้นชาวบ้านในท้องถิ่น             ก็ไม่ใช่ว่า ทั้งนี้ ต้องอาศัย แต่ว่ารายได้จากการขายข้าว แต่เขาจะมีกิจกรรมเหล่านี้เต็มไปหมด ผมถึงได้เรียนว่า ถ้า OTOP สำเร็จมันจะเป็นตัวพลิกเศรษฐกิจของเมืองไทย เราจะทำประโยชน์มหาศาลขึ้นมา ฉะนั้นมันอยู่ที่   พวกเราเอง พัฒนาชุมชนจังหวัดต้องเข้าไป กลุ่มที่มีหน้าที่ช่วยเหลือแนะนำเขา และพวกผมทางส่วนกลาง      เป็นทีมงานที่ช่วยเขา Pricing สินค้าที่ทำดีมาก ๆ วางตำแหน่งสินค้าดีมาก ๆ  แต่ขายถูกเกินไปเขาไม่ซื้อ      แปลกมากจริง ๆ  นี่คือเรื่องของจิตวิทยาการกำหนดราคาผมเห็นวันก่อนไปที่สุราษฎร์ กระเป๋าใบหนึ่งทำจากเชือกกล้วย ถามใบเท่าไร ใบละ 500 บาท คนไม่ซื้อ ถ้าจำหน่าย สมมุติ 2,000 บาท ขึ้นห้างขายคืนเป็นเทน้ำเทท่าตรงนี้ชาวบ้านไม่เป็น เมื่อชาวบ้านไม่เป็นเราต้องเข้าไปแนะนำเขา พวกท่านอาจจะยังไม่มีประสบการณ์         ด้านการตลาด พวกผมจะสร้างองค์การขึ้นมาเพื่อฝึกฝนพวกท่านอีกแรงหนึ่งคือ เขาเรียกโครงการ Traning and Traner คือ เอาเรื่องของ Concept ของธุรกิจให้กับท่านจุดแข็งของท่าน คือ พัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง พอถึง       บทบาทนี้ท่านจะต้องไม่แนะนำสินค้าอย่างนี้มันต้องอย่างนั้น มันรวมตัวกัน ถ้าเขาทำได้ดี รวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชน อีกหน่อยตัวนี้กลายเป็น SME ให้ บอย.มาปล่อยเงินกู้ให้เขา ให้เขาสามารถบริหารกันเอง         ได้อีกหน่อย พอมีกองทุนหมู่บ้านเข้ามา แทนที่จะถามว่าจะเอาเงินไปใช้ทำอะไร เอาเงินนี้แหละทำโครงการแบบนี้ได้ทันที ฉะนั้นทั้งหมดนี้มันก็คือการทำให้ท้องถิ่นเข้มแข็งผูกโยงไปถึงการนำสินค้าไปจำหน่ายตลาดโลก ฉะนั้น เมื่อวานนี้เป็นแค่กระไดขั้นเล็กๆ เพื่อให้ฝรั่งตื่นตาตื่นใจว่า ใช้สินค้าท้องถิ่นของไทยมีขนาดนี้แล้วนะ เกิดความประทับใจเริ่มหันมามองแต่เดิมเห็นว่าเป็นเพียงสินค้าประเภทสุวีเนียไปแล้วก็ซื้อชิ้นหนึ่ง  สินค้าสปา เครื่องหอม ยา เครื่องดื่ม อาหาร เสื้อผ้า แฟชั่นโชว์ที่เมื่อวานนี้จัดขึ้นมา ผ้าไหม มันเข้าระดับโลกแล้วด้านผู้นำ 2o กว่าประเทศเขานั่งชมแฟชั่นที่ออกมานึกไม่ถึงว่าเมืองไทยมีแฟชั่นถึงขนาดนี้หรือ ขอเวลาผม 2-3 ปี OTOP

จะไปได้ถึงจุดนั้น ฉะนั้นจุดมุ่งหมายวันนี้ไม่ใช่ปริมาณ การขาย จุดมุ่งหมายวันนี้คือยกระดับคุณภาพ             เพิ่มช่องทางเจาะตลาดโลก พอช่องทางเปิดคุณภาพถึง แค่ 2 หมื่นล้าน จิ๊บจ๊อย มันทั้ง 76 จังหวัด เรา 2 ปี จาก 2oo ล้าน มหาศาลนะมันต้องเป็น แสนล้านแน่นอน ถ้าเป็นแสนล้าน หลับตานึกภาพนักท่องเที่ยวเวลามาพัก       ที่จ่ายเป็นค่าห้องโรงแรม และไปนอนอาบแดดเขาจะมาซื้อสินค้าจากท้องถิ่นเงินมันจะสะพัด อันนี้นี่แหละคือ ปรัชญาที่แท้จริงของโครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ฉะนั้นผมต้องฝากโครงการเหล่านี้กับท่านด้วย          ช่วยชี้แจงชาวบ้านให้เข้าใจด้วยว่า ทำไมเขาถึงไม่ได้มาโชว์ เพราะถ้าเอามาโชว์ผิดจังหวะ มันเสียทั้งหมดนี้มองทั้งหมดเพื่อระยะยาว โดยส่วนรวมผมมีเวลาเพียงเท่านี้ ผมต้องไปประชุมกับท่านนายกฯ ก็ขอขอบพระคุณท่านอีกครั้งหนึ่ง ขอบพระคุณข้าราชการของกระทรวงมหาดไทย ขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่ทุกท่าน ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และมีความอุตสาหะเต็มที่ และหวังว่าท่านจะสามารถทำงานร่วมกับกระทรวงอื่น ๆ  เพราะผมตั้งใจไว้ว่าไม่ให้มีพรมแดนระหว่างกระทรวงอีกต่อไป และมีอะไรให้พวกผมได้รับใช้ขอให้บอก ท่านประชา           เอาใจใส่ดีมาก ต้องขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง และฝาก OTOP ไว้ในมือของท่านด้วย ขอบพระคุณมากครับ

ถอดเทปสรุปคำกล่าวของรองนายกรัฐมนตร ีโดยทีม สนง.พช. เชียงใหม่

 

 

Hosted by www.Geocities.ws

1