ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ก็มีฝูงแมลงสแครัปซึ่งครั้งหนึ่งชาวอียิปต์โบราณให้การยอมรับนับถือว่าเป็นแมลงศักสิทธิ์ พร้อมใจกันยกขบวนบินเข้ามาอาศัยอยู่ภายในโดมของที่ว่าการรัฐอลาบามา อยู่ไม่อยู่เปล่า ยังกัดกินอะไรต่อมีอะไรภายในโดมเละไปด้วย คนงานที่มีหน้าที่ซ่อมแซมที่ว่าการซึ่งสร้างเมื่อ 150 ปีก่อนโน้นบอกว่ามันยั้วเยี้ยไปหมดภายในที่ว่าการแห่งนี้
งบประมาณที่ใช้ในการบูรณะความเสียหายในเรื่องนี้ได้ตั้งขึ้นถึง
33 ล้านเหรียญ ภายใต้ความรับผิดชอบของ บิล วูลสมอล ผู้เป็นสถาปนิก
และมันได้บานปลายขยายตัวเลขเพิ่มขึ้นจากยอดเดิมอีก 4 ล้านเหรียญ
ต่องานซ่อมแซมที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องใน 6 ปีแรกที่เริ่มต้น
ในครั้งแรกที่พบพวกมันไอ้เจ้าแมลงสแครัปอยู่ในราวปลายปี 1991 บิล วูลสมอล
ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนักเพราะเขามีหน้าที่อื่นที่รอความรับผิดชอบอีกมาก
เขาคิดว่าแมลงเหล่านั้นน่าจะออกไปหมดแล้ว แต่จริง ๆ นั้นพวกมันคงอยู่ในสถานภาพเดิม
คือรวมหัวกันกัดกินเพดานและผนังบุกั้นชั้นในตัวโดม
ไม่เว้นแม้แต่ยางซึ่งเป็นส่วนประกอบของเครื่องเรือน ทั้ง ๆ
ที่รู้กันอยู่ว่าพวกมันจะไม่ชอบยาง อันเป็นวัสดุธรรมชาติ
แต่คราวนี้ไม่เป็นอย่างนั้น ตัวอาคารภายในโดมเจอการจู่โจมที่เลวร้ายต่อเนื่องเป็นระลอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
จน วูลสมอลออกอาการเหลืออด
จึงตัดสินใจสั่งให้คนงานระดมฉีดยาหมายฆ่าให้สิ้นซากและปิดทางเข้าออกด้วยการเคลือบเพดานการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องปรามด้วยวิธีนี้มีอายุเพียงแค่
4 ปี หลังจากนั้นแมลงศักสิทธิ์ในความเชื่อของคนอียิปต์โบราณยังคงสภาพเหมือนเดิม
กัดกินทุกอย่างที่ขวางหน้าทุก ๆ วัน
คนงานจะมีหน้าที่ปีนป่ายขึ้นไปในส่วนที่ลี้ลับของโดมและพ่นยาฆ่าแมลงสแครัป
โดยไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่มันจะกลายเป็นสัตว์สูญพันธุ์เสียที
นอกจากจะถูกยึดเป็นที่อาศัยของแมลงสแครัปแล้ว
ที่ว่าการรัฐอลาบามายังมีปรากฏการณ์ที่หลายคนรวมกันเรียกว่าผีเป็นรายการเสริมแก้เซ็งอีกต่างหาก
คืนหนึ่งของปี
1992 เจมส์ แกมเมจ ช่างทาสีกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ลิฟท์ชั้นสอง
สายตาเขาเหลือบไปเห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งในเครื่องแต่งกายสมัยวิคตอเรีย เคลื่อนตัวผ่านไปยังห้องโถงอย่างรวดเร็วเกินกว่าการเดินของคนธรรมดา
แล้วหายวูบไปเฉย ๆ
เมื่อแกมเมจนำเรื่องนี้ไปเหล่าให้คนดูแลที่ว่าการซึ่งทำงานตั้งแต่ช่วงเช้าถึงย่ำค่ำฟัง
นายบิลลี่ มิสเซลดีน
ฟังแล้วก็ได้แต่แสดงความเห็นใจในประสบการณ์ครั้งแรกของแกมเมจแถมบอกเพิ่มเติมว่า
เขานะเจอบ่อยไม่ว่าจะเสียงฝีเท้าคนเดินโดยไม่ปรากฏตัว และก็เสียงแปลก ๆ
ที่มักจะเกิดขึ้นเสมอในช่วงที่ไม่มีใครอยู่
ปรากฏการณ์ที่รวมเรียกว่าการหลอกหลอนนั้นมักเกิดขึ้นเฉพาะบนบริเวณชั้นสอง
ซึ่งแต่เดิมเป็นห้องทำงานของอดีตรองผู้ว่าการ มิสเซลดีนเล่าว่า เขาเคยได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ชัดเจนมาก
แต่เมื่อหันกลับไปทางต้นเสียงแล้วกลับไม่เห็นอะไรเลย
นอกจากเห็นหูโทรศัพท์ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่มันควรจะอยู่
ภายหลังจากที่คณะผู้บูรณะที่ว่าการรัฐอลาบามาได้พยายามค้นหาคำตอบในเรื่องเหล่านี้พวกเขาได้ข้อมูลว่าในสมัยสงครามกลางเมือง
ราวปี ค.ศ. 1870
1880
มีหญิงหม่ายได้เข้ามาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตึกว่าการและขอร้องให้ช่วยค้นหาศพสามีของเธอให้ด้วยเพื่อนำไปฝังยังที่อันสมควร
มิสเซลดีนไม่แน่ใจว่า
แม่ม่ายคนที่ข่าวกล่าวถึงจะใช่สตรีลึกลับสวมใส่ชุดสมัยวิคตอเรีย
ตามที่นายแกมเมจพบเห็นหรือเปล่า แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขากังวลยิ่งไปกว่านั้น
นั่นคืองานซ่อมนาฬิกาที่เขาชอบทำเป็นงานอดิเรก เขาเคยนำนาฬิกาหินอ่อน
ซึ่งเป็นนาฬิกาเก่าของตึกนี้ไปซ่อม และมันยังเดินดีอยู่
เมื่อเขานำกลับมาตั้งไว้บนเตาผิงชั้นสองในออฟฟิศของผู้ว่า
แต่เมื่อเขาเคลื่อนย้ายไปวางอีกที่หนึ่ง
ซึ่งเป็นชั้นบนของเตาผิงใต้รูปวาดของประธานาธิปดี เดวิส เจฟเฟอร์สัน มันหยุดเดินที่เวลา 6.10 น.
มิสเซลดีนนำมันมาตรวจสภาพแล้วนำมาไว้ที่เดิม เมื่อกลับมาดูวันรุ่งขึ้น
มันก็หยุดเดินอีกแล้ว ที่เวลา 6.10
น.
นาฬิกาเรือนนี้ดูราวกับว่ามันเป็นตัวของมันเอง
เหนือการควบคุมของเครื่องจักรกลภายใน หยุด ๆ เดิน ๆ ตามใจชอบ
มันแปลกตรงที่ว่าเวลาหยุดเดินของมันต้องที่เวลา 6.10 น. ทุกครั้งไป
ครั้งหนึ่ง
มิสเซลดีนนำนาฬิกาเรือนนั้นไปซ่อมหน้าปัดที่ชำรุดหลังจากซ่อมเสร็จ
มันทำหน้าที่ของมันไปจนกระทั่งถึงเวลาพักผ่อน นั่นคือการหยุดเดินในเวลาที่มันต้องการ 6.10 น. อดีตที่ว่าการอาถรรพ์แห่งนี้
บางเวลาก็มีฝูงไก่นัดกันมาชุมนุมในตึกแน่นขนัด
โดยไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าไก่ฝูงนี้มาจากไหน ท้ายที่สุดก็ต้องเป็นหน้าที่ของเสมียน
ซึ่งมีฟาร์มอยู่แล้วต้องเป็นผู้อาสาพาไป ระยะไล่เลียกับการปรากฏตัวของฝูงไก่
คนที่ทำงานภายในออฟฟิศแห่งนี้มันจะเห็นผู้หญิงมีครรภ์ผ่านเข้าออกบ่อยเหมือนกับว่าที่ทำการแห่งนี้คือบ้านของเธอเอง
เมื่อสืบสาวราวเรื่องดู จึงรู้ว่าที่แท้แล้วเธอคือ เลอลีน
เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการรัฐมาก่อน และถึงแก่กรรมในออฟฟิศที่เธอทำหน้าที่ในปี
1968
ระหว่างการปฏิบัติงาน
เมื่อยังมีชีวิตอยู่ รายงานที่ค้นพบกล่าวว่า เลอลีนทำหน้าที่ของเธออย่างเข้มข้น
จริงจัง
และมุ่งมั่นในความตั้งใจที่จะเปลี่ยนเงื่อนไขอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องระหว่างรัฐกับคนจน
เธอทำงานหนักจนเกินกำลังที่ผู้หญิงจะทำไหว จนกระทั่งล้มเจ็บและตายไปด้วยโรคมะเร็ง
เลอลีนชอบมาปรากฏตัวในสำนักงานให้คนเห็นบ่อยครั้ง จนคนงานนำไปวิเคราะห์กันว่า
เธอคงวนเวียนอยู่จนกระทั่งครบวาระการทำงานอะไรทำนองนั้น
เลอลีน วอลเลซ ได้รับการยอมรับจากสังคมหลายระดับว่าวิญญาณของเธอนั้นมีอยู่จริง
ทุกวันนี้จะมีคณะทัวร์นำลูกทัวร์สับเปลี่ยนกันนำเที่ยวไม่ขาดสาย ความตั้งใจส่วนใหญ่ของคณะทัวร์ก็เพื่อรอชมปรากฏการณ์ของปีศาจและรับรู้พฤติกรรมของมัน.....ต่วยตูน
ตุลาคม 2541