ตู้เก็บของที่วัด

              เรื่องนี้เกิดขึ้นกับน้าชายของผม เมื่อประมาณ 10 กว่าปีมาแล้ว ขณะที่เขา กำลังบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่เอง โดยมีกำหนดที่จะบวช 1 สัปดาห์ ตามปกติ พระที่บวชใหม่ก็จะมีพระพี่เลี้ยงหนึ่งองค์คอยชี้แนะว่าต้องปฏิบัติตน อย่างไรขณะอยู่ในผ้าเหลือง น้าชายผมก็เช่นกัน มีพระพี่เลี้ยงซึ่งอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน

                วันแรกที่บวชพระพี่เลี้ยงก็พาน้าชายไปที่กุฏิที่พัก ซึ่งเป็นศาลาเก่า  ๆ ห้องเดี่ยว ตั้งห่างจากอุโบสถไปเล็กน้อย ประตูล๊อคปิดไว้ด้วยโซ่ขนาดใหญ่ “ทำไม่ต้องล่ามโซ่ด้วยล่ะหลวงพี่” น้าผมถามด้วยความสงสัย “วัดนี้นาน ๆ จะมีคนมาบวช แล้วกุฏิอื่น ก็มีพระอยู่หมดแล้ว เลยเก็บที่นี้ไว้เพื่อมีคนมาบวชอีก น้องโชคดีนะได้พักประเดิม รอบปีนี้เลย” พระพี่เลี้ยงตอบพลางไขกุญแจและดึงโซ่ออก

                ภายในฝุ่นฟุ้งไปหมด ต้องปัดกวาดเช็ดถูพักใหญ่ กว่าจะจัดการอะไรเรียบร้อยก็เย็นพอดี ตกกลางคืนได้ เวลานอนพักผ่อนพระพี่เลี้ยงก็บอกกับน้าว่า “ก่อนนอนกราบหมอนบอกเจ้าที่เจ้าทางสักหน่อย ว่าเรามาอาศัยที่ บวชรับใช้พระศาสนาน่ะนะ” บอกแค่นี้ก็จากไป น้าผมก็ทำตาม ในใจคิดว่าคงไม่มีอะไร คืนนั้นน้าชายผมหลับ อย่างปกติ ตื่นเช้าออกบิณบาต พระพี่เลี้ยงก็ถาม “เมื่อคืนเป็นไงบ้าง”

“ไม่มีอะไรนี่ครับ ผมหลับสนิทเลย” น้าผมตอบพลางนึกถึงเรื่องหนึ่งซึ่งสังเกตเห็นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

“ไอ้ตู้ที่ติดกับฝาห้องนั้น เก็บอะไรไว้เหรอครับ” น้าผมถามถึงตู้ใหญ่ที่ปิดประตูล๊อคไว้ พร้อมคล้องโซ่เหมือนประตู

“ไม่มีอะไรหรอก ตู้เก่า ๆ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรก็เก็บไว้ในนั้นแหละ”  หลวงพี่ตอบ

“ทำไมไม่เอาออกไปใส่หนังสือ พวกตำราล่ะครับ หรือเอาไม้ไปทำอะไรก็ได้” น้าผมถาม แต่หลวงพี่ไม่ตอบอะไร ได้แต่อมยิ้มอย่างเดียว น้าผมลองคลำดูตู้นั้นว่ามีรูอะไรหรือไม่ เมื่อลอดสายตาดูว่าข้างในใส่อะไรไว้ แต่ก็ไม่มี น้าลอง เคาะ ๆ ดูถ้าเพื่อว่าใส่ของอะไรไว้ เสียงมันจะฟ้อง เพราะน้าเคยมีประสบการณ์ในการขนส่งสินค้าโดยลังไม้ ก็ปรากฏว่าใส่ของไว้จริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าอะไร

                ตลอดสัปดาห์ต่อมา น้าผมพักในห้องนี้โดยไม่มีปัญหาอะไร จนถึงคืนสุดท้ายก่อนสึก ขณะที่น้ากำลัง เคลิ้มจะหลับก็รู้สึกหนาวจับกระดูก ทั้งที่เป็นฤดูร้อน น้าจึงเอื้อมมือหยิบผ้าห่มมาคลุมให้หายหนาว แต่ร่างกายกลับขยับไม่ได้ เหมือนถูกตรึงไว้กับเสื่อ จากงัวเงียกลายเป็นตื่นเต้นทันที สักพักสิ่งที่น่ากลัวที่สุดตั้ง แต่เคยเห็น มาก็บังเกิด ควันสีขาวปนเขียวลักษณะเหมือน ควันบุหรี่ ลอยขึ้นสูงทั่วห้อง อากาศที่เย็นจัดทำให้น้าผมหนาวแต่เหงื่อแตกพลั่ก มือก็บิดจีวรเสียแน่น สักพักควันขาวปนเขียวก็รวมตัวกันเป็นคล้ายกับหน้าคน  ขนาดใหญ่แน่นห้อง เป็นหน้าคนที่น่ากลัวที่สุด แต่ยังคงเป็นควันสีขาว ปนเขียว ดวงตาของหน้านั้นจ้องเขม่นเข้าไปในดวงตาของน้า ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันจ้องอยู่นานมาก น้าอยากหลับตาหนี แต่ก็ขยับเปลือกตาลงไม่ได้  เวลาผ่านไป นานเหมือนอยู่ในนรก แล้วใบหน้าที่น่ากลัวนั้นก็กลายเป็นควันธรรดาอีกครั้ง ก่อนที่จะสลายไปกับอากาศอันเย็นเฉียบ แล้วทันใดนั้น น้าผมก็ขยับได้อีกครั้ง  ไม่ต้องบอกนะครับว่า น้าผมจะทำอย่างไร ครับ ! แกร้องลั่น พลางดีดตัว สปริงตัวขึ้นพุ่งตัวออกนอกห้อง (ตอนผมฟังน้าเล่าน้าบอกว่า จำไม่ได้ว่าบิดประตูหรือเปล่า หรือพุ่งชนประตูออกไปเลย ด้วยความกลัว)

“โอ้ย! ช่วยด้วยผีหลอก” น้าผมวิ่งตะโกนออกมาด้วยความกลัวสุดขีด ทันใดนั้นเองมีมือคู่หนึ่งพุ่งมารับตัวน้าไว้

“เฮ้ย ทำใจดี ๆ ไว้ พี่เอง” พระพี่เลี้ยงนั้นเอง “นึกแล้วว่าต้องเจอคืนนี้เลยมาดักรออยู่” น้าผมได้ยินแว่ว ๆ ผ่านหู เท่านั้นก่อนที่จะล้มตัวลงตรงศาลานั่น รุ่งเช้าหลังจากที่ปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ในการสึกเสร็จพระพี่เลี้ยงพาน้าไปที่ห้องศาลานั้น พร้อมกุญแจพวงหนึ่ง

“เดี๋ยวจะให้ดุที่เจอเมื่อคืน พระทุกรูปแหละ พักห้องนี้เมื่อไหร่ เจอหมด แล้วพี่นี่แหละต้องมาดักรออยู่หน้าห้อง ทุกที” หลวงพี่บอกขณะที่ตามเจ้าไปด้วยร่างที่ขนลุกซู่

                ประตูตู้ถูกเปิดออก ข้างในนั้นคือกองกระดูกขนาดใหญ่มีกระโหลกนับสิบหัว หลวงพี่หันมาดูน้าซึ่งยืน หน้าซีดอยู่ตรงนั้น พร้อมกับนึกในใจว่าคงไม่ต้องบอกอะไรแล้วกระมัง......