ชื่อเรื่อง : ส305 โลกของเรา แนว : ไซ-ไฟ เวลาในการเขียน : 2 วัน จำนวน : 4 ตอน บทที่ 1 “ ครืน ...น ...น “ พื้นเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นที่บ้านของ วาทิต ขณะที่เขานอนหลับอยู่ การสั่นสะเทือนนี้ แม้จะไม่มาก แต่ก็ทำให้เขาไม่ได้นอนหลับดีมา สองสามคืนแล้ว “ อะไรวะ เนี่ย ! สั่นอยู่ได้คนจะหลับจะนอน “ เขาพูดกับตัวเอง และ สักพักนึงก็หยุดสั่น อย่างที่เป็นมา รุ่งเช้า เขาก็ตื่นขึ้นมา ปฎิบัติภารกิจส่วนตัว และ ออกจากบ้านของเขา ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว และมีบริเวณรอบบ้านที่ค่อนข้างเยอะพอสมควร วาทิต หรือ ทิต ชายหนุ่มอายุราวๆ 25 เป็นเจ้าของร้านเช่าวิดีโอที่มีชื่อ เจ้าหนึ่ง พอมาถึงร้าน ก็ทักทายกับลูกน้อง “ ไง สิงห์ วันนี้จะมีวิดีโอ พวก ไซ-ไฟ มาบ้างมั๊ย ? “ “ มี สองสาม เรื่องครับ พี่ทิต เดี๋ยวผมจะเก็บไว้ให้ก็ได้ครับ ผมรู้ว่าพี่ชอบดู “ สิงห์ ตอบอย่างยิ้ม แย้ม “ เอ้อ ถามหน่อยสิ สองสามวันนี้ รู้สึกว่า แผ่นดินมันสะเทือนๆ มั๊ย ? “ ทิตถามต่อ “ สะเทือน เหรอครับ บ้านผมไม่เห็นจะสะเทือนเลยนะ “ คำตอบนี้ ทำให้ทิตเกิดความสงสัยขึ้น ตอนเย็น ทิตกลับมาบ้าน เขาก็เปิดวิดีโอดู จนดึกมาก แล้วเขาก็เผลอหลับไป “ ครืน ๆๆๆๆ !!!!!! “ พื้นดินนั้นเริ่มสั่นขึ้นอีกแล้ว แรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ จนทิตตกใจตื่น เพราะ แรงสั่นสะเทือนนั้น มากกว่าในคืนที่ผ่านมา “ ตูม !!!!! “ ทันใดนั้น ! ก็มีแคปซูลรูปไข่สีขาว ขนาดใหญ่ พุ่งขึ้นมาจากพื้น ทิต ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นอย่างมาก เขากล้าๆ กลัวๆ ที่จะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ สักครู่ แคปซูลรูปไข่นั้นมีประตูเปิดออกมา แล้วก็มีคนเดินออกมา เป็นชายแต่งตัวด้วยเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวสีขาว ผมสั้นขาวโพลน อายุราวๆ 40 เขาล้มลงทันที ทิตจึงรีบเข้าไปดู เขาพลิกตัวชายคนนั้น ชายคนนั้นมองทิต จากนั้นก็มี เสาอากาศ 2 เสา ผุดขึ้นมาจากหัว ทิตอ้าปากค้าง เสาอากาศนั้น หมุน ชายคนนั้นเริ่มพูด “ พอถึงวันนั้น เข้าไปในแคปซูล แล้วฝังซะ...... “ แล้วชายคนนั้นก็สิ้นลม ทิตก็ยังคง งง อยู่ดีว่า ทำไมชายคนนี้หน้าเป็นชาวต่างประเทศ แต่ พูดภาษาไทยได้ชัด , เขามาจากไหน , ทำไมเขาจึงมีเสาอากาศที่หัว และมีคำถามอื่นๆ อีกมากมายในหัว แต่ตอนนี้เขาต้องลองเข้าไปสำรวจในแคปซูล ทิตเดินเข้าไปมองรอบๆ มีแผงควบคุมอยู่ 1 แผงเล็กๆ กับ เก้าอี้ ทิตเผอิญเห็นกระดาษยาวๆแผ่นหนึ่งแปะไว้อยู่กับผนัง จึงดึงมาดู มีตัวหนังสือเต็มไปหมด เขาเดาไม่ออกว่าเป็นภาษาอะไร ก็เก็บเอาไว้ จากนั้น ทิตก็ออกมาจากแคปซูล แล้วก็นำศพของชายคนนั้นไปไว้ที่โซฟา เขามองสภาพพื้นซึ่งแหลกพัง ของกระจัดจาย ทิตรู้สึกปวดหัว จึงนอน วันรุ่งขึ้น ทิตก็ติดต่อกับเพื่อน ซึ่งเป็นนักแปลหนังสือ แล้วก็ขับรถไปหา “ หวัดดี ก๊อก เราอยากจะให้นายช่วยแปลข้อความพวกนี้ให้หน่อยสิ “ “ หวัดดีเพื่อน ยังผมดำ จมูกโด่งเหมือนเดิมนะ ไหนเอามาดูซิ “ ก๊อก พิจารณาสักครู่ “มันมีภาษา เยอรมันบางตัวน่ะ เอาเท่าที่แปลได้แล้วกัน ก็ วันที่ 1 มกรา ปี 2000 ..... อุกกาบาต..... รุนแรง มาก..... ความตาย แล้วก็ 2 มกรา .....คนต่างโลก..... ความจริง.... แปลได้แค่นี้น่ะ บางตัวมัน ก็ภาษาอะไรก็ไม่รู้ว่ะ นี่แกไปเอามาจากไหนวะ ? “ ทิตนิ่งไปสักครู่ เขาโกหกไป “ มีคนฝากมาน่ะ อย่างนี้พอจะตีความได้ว่า วันที่ 1 อุกกาบาตจะชน โลกหรือเปล่าวะ ? “ “ มันก็เป็นไปได้น่ะ “ ก๊อกตอบ แล้วทิตก็กลับมาบ้าน มานั่งคิด เขาคิดตามประสาคนดูหนังไซ-ไฟ ว่า ชายคนนั้นอาจจะมาจากอนาคต แต่ทำไมไม่ย้อนไปอดีตกว่านี้ เพื่อจะได้ เตรียมรับมือ เขานึกทบทวนได้อีกว่า ชายคนนั้น บอกว่า พอถึงวันนั้น เข้าไปในแคปซูล แล้วฝัง วันนั้น คงจะหมายถึง วันที่ 1 มกราคม เขาคิดว่า เขาควรจะทำตามที่ชายคนนั้นบอก แต่ว่าจะไปฝังที่ไหน ถ้าเอาแคปซูลออกไปคนคงแตกตื่นอีก เขาจึงเกิดความคิดที่จะขุดตรงบริเวณบ้านที่พอจะมี เขาไม่คิดอะไรแล้ว รีบไปซื้อพลั่ว แล้วมาขุดทันที เพราะวันนี้ วันที่ 15 ธันวาคม ปี 1999 ........ บทที่ 2 “ กริ๊ง ...... กริ๊ง ........ กริ้ง “ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้งกว่า ทิต จะวิ่งมารับ “ ฮัลโหล “ “ ฮัลโหล พี่ทิต นี่สิงห์นะครับ ทำไมไม่ไปที่ร้านตั้งหลายวันแล้วล่ะครับ มีอะไรรึเปล่า ? “ “ อะ.... อ๋อ ไม่มีๆ พี่อาจไม่ไปจนสิ้นเดือนเลยนะ ยกให้สิงห์บริหารไปก่อนแล้วกันนะ “ “ ครับ ครับ มีอะไรบอกผมนะพี่ หวัดดีครับ “ ทิตเริ่มคิดว่า ตนเองเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือเปล่า เหมือนเขาจะเอาตัวรอดคนเดียว แต่ในแคปซูล ก็อยู่ได้แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ทิตเดินกลับไปขุดต่อ เขาขุดไปเรื่อยๆ จนวันนี้ วันที่ 30 ธันวาคม เขาขุดหลุมได้ลึกจน เขาต้องปีนบันไดขึ้นมาจากหลุม เขาเลิกขุด แล้วเขามานั่งพัก สักครู่เขาก็ไปเตรียมเสบียงอาหาร แล้วก็ขับรถไปที่สุสานของพ่อ และ แม่ ของเขา “ หวัดดีครับพ่อ แม่ มะรืนนี้ โลกจะถูกอุกกาบาตชนแล้วครับ ผมต้องลงไปหลบใต้ดิน ผมเลย จะมาลาพ่อ กับ แม่ ก่อนน่ะครับ ..... ขอให้พ่อ กับ แม่ มีความสุขมากๆ ในสวรรค์นะครับ “ ตกดึก เขาก็ค่อยๆ เข็นแคปซูลลงไปในหลุม... วันต่อมา วันที่ 31 ธันวาคม เขาตื่นมา แล้วเปิดทีวีดู ดูไปได้สักพักหนึ่งก็มีข่าวด่วนเข้ามา เป็นข้อความ “ ขอประกาศแก่ชาวโลก ขณะนี้ มีอุกกาบาตนับสิบลูกปรากฎออกมาซึ่งมีวิถีโคจรมาที่โลกของเรา จากการคำนวณแล้ว คาดว่าจะมาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่น่าฉงนมากกว่า มาจากดวงอาทิตย์ได้ อย่างไร ไม่มีประเทศใดสามารถจะหยุดยั้ง อุกกาบาตกลุ่มนี้ได้ ขอให้ทุกคนเตรียมใจพร้อมรับสิ่ง จะเกิดขึ้น ในวันพรุ่งนี้ ขอให้พระเจ้า , สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงคุ้มครองท่าน “ ทิตโทรศัพท์ไปที่ร้านของเขา “ ฮัลโหล สิงห์ เหรอ “ “ ครับพี่ จะเอาไงต่อกับที่ร้านดีครับพี่ ? “ “ ติดไว้หน้าร้านเลยว่า ใครอยากจะได้ม้วนไหนไปดู ก็หยิบไปได้เลยนะ “ “ เอางั้นเหรอพี่ ก็ได้ครับ แล้วพี่จะไปไหนมั๊ยครับเนี่ย “ “ ไม่รู้เหมือนกัน....... งั้น โชคดีนะสิงห์ นายไม่ต้องทำงานแล้ว “ “ ผมจะขออยู่ที่ร้านนี่แหละครับ ผมไม่มีที่จะไปแล้ว “ ตอนบ่าย ทิตเดินออกจากบ้านเพื่อดูโลกเป็นวันสุดท้าย เขาเดินไปตามทาง มองดูร้านค้าแต่ละร้าน ติดป้ายไว้เต็มไปหมด “ กินฟรี เชิญเข้ามาได้เลย “ , “ อยากได้อะไรเชิญเข้ามาหยิบได้ “ มองไปรอบๆ เห็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส นั่งคุยกันเป็นกลุ่มๆ ตามฟุตบาท อย่างไม่อายใคร เดินผ่าน โรงหนัง โรงก็เปิดให้คนเข้าไปดูฟรี เงินในเวลานี้ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ถนนแทบจะไม่มีรถ อากาศแจ่มใส ทิตไม่เคยเห็นกรุงเทพในสภาพนี้มาก่อน เขาพูด “ ท่าทางเรากำลังจะอยู่ กรุงเทพ จริงๆ ทุกคนดีต่อกัน ทุกคนรักกัน ทุกคนเป็นเทพกันไปหมด แล้ว นี่แหละ เมืองของเทพ “ ทิตเดินกลับบ้าน เขาเห็นเพื่อนบ้านที่เคยโกรธกันก็กลับมาดีกัน บางคนเป็นสามีภรรยาที่แยกทาง กัน ก็กลับมาคืนดีกัน เขาเดินมาถึงบ้าน อาบน้ำ กินข้าว แล้วก็ลงไปในหลุม เข้าไปในแคปซูล รอเวลาที่อุกกาบาตจะมาถึง....... วันที่ 1 มกราคม ปี 2000 ...... “ ฟ้าว.....ว........ว...... “ เสียงที่มาจากฟากฟ้านี้ ค่อยๆ ดังขึ้น ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ “ ตูม !!!!! “ สิ้นเสียงนี้ ทิตได้ยินเพียงแค่เสียงกรีดร้อง ของคนที่อยู่ข้างบน ทุกอย่างสั่นสะเทือน แรงขึ้น แรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ แคปซูลถูกเขย่าจากแรงสั่นนี้ ดินข้างบน ก็ทลายมา กลบ แคปซูลจนมิด .... สักพักหนึ่งแรงสั่นสะเทือนนี้ ก็หยุด... ทิตก็เริ่มจะลองกดปุ่มต่างๆ ที่แผงควบคุม ที่แผงควบคุมนั้น มีเพียงแค่ 3 ปุ่ม ทิตลองกดปุ่มอันแรกที่อยู่ ซ้ายสุด มีความรู้สึกว่าแคปซูลค่อยๆเคลื่อนลงไป จึงกดอีกทีเพื่อหยุด กดปุ่มกลาง ก็มีจอภาพโผล่ขึ้นมามีแต่ภาพดิน เขาคิดว่าคงจะเป็นเหมือนกล้องที่เรือดำน้ำที่ส่องขึ้นไปดูข้างบน เห็นไม่มีอะไรก็เลยกดหยุด เขาลองกดปุ่มสุดท้ายที่อยู่ทางขวา แคปซูลนั้นสั่นเล็กน้อย แล้วเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นสู่ด้านบนพื้นผิวโลก..... บทที่ 3 “ ตูม ! “ แคปซูลขึ้นมาถึงพื้นผิวโลก ทิตรวบรวมความกล้า แล้วก็ออกจากแคปซูล ปรากฎมีฝุ่นละอองกระจายมากมาย เขากลั้นหายใจ แล้วพยายามเดินออกไป เขามองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น เขาเดินต่อไปไม่ไหว เขาจึงเดินกลับเข้ามาในแคปซูล ขณะจะก้าวเท้าเข้าสู่แคปซูล ปรากฎว่า ฝุ่นละอองนั้นหายไปในพริบตา พื้นที่แหลกสลาย ก็ถูกปรับสภาพให้ดีขึ้น มีหญ้าขึ้นทั่วไปหมด ต้นไม้มากมายผุดขึ้นมาจากดินอย่างไม่น่าเชื่อ ท้องฟ้าแจ่มใสขึ้นมาในทันที ..... ทิตตกตะลึงกับสภาพที่เห็น ทันใดนั้น ! เขาก็เห็นหินขนาดมหึมาลูกหนึ่งลอยมา เขาคิดว่าคงจะเป็นอุกกาบาต ที่ลงมาชน แต่ว่าทำไมมันถึงลอย เหมือนเป็นยานอะไรสักอย่าง อุกกาบาตมาหยุดตรงเหนือหัวเขา เพียงแค่พริบตา กองทัพของสิ่งที่เรียกว่า “ มนุษย์ต่างโลก “ นั้นปรากฎตัวขึ้น ล้อมรอบทิต มนุษย์ต่างโลก ที่เขาเห็นนี้ ต่างกันสิ้นเชิงกับที่เคยเห็นในหนัง รูปร่างของพวกนี้สูงใหญ่ ไม่มีหน้าตา ไม่มีหู ไม่มีผม ร่างกายเป็นสีเงินทั้งร่าง นอกนั้นก็เหมือนกับมนุษย์ธรรมดาทุกประการ “ สวัสดี มนุษย์ ฉันเป็นผู้คุมกองทัพ ชื่อ 6944“ เสียงนั้นก้องขึ้นในหัวของทิต “ ทะ..ทะ.. ทำไม พูดภาษามนุษย์ได้ล่ะเนี่ย ! “ ทิตพูดด้วยความหวาดกลัว “ ก็เราเป็นผู้คิดค้นภาษาของพวกแกขึ้นทั้งหมดน่ะสิ “ 6944 ตอบอย่างภาคภูมิ “ แล้วพวกนายมาที่นี่ทำไม ? “ “ เฮ้อ .... จะอธิบายให้ฟังก็ได้ เรากำลังค้นหา มนุษย์ ที่ฉลาดที่สุด ที่สามารถเอาตัวรอด จากการ ชนของยานของพวกเราได้ “ “ พวกนายหมายความว่า อุกกาบาต ก็คือ ยานของพวกนาย งั้นเหรอ “ “ ใช่ เราแค่สร้างหินคลุมยานของเราแค่นั้นเอง นี่ไงล่ะยานของจริง “ 6944 ยกมือขึ้น อุกกาบาตที่ เห็นก็กลายเป็นยานทรงรี ขนาดใหญ่ 6944 พูดต่อ “ นายต้องไปกับเรา เพื่อที่เรา จะเอานายไปทำงานที่ดาวเรา และ เป็นต้นแบบเพื่อผลิตมนุษย์รุ่น ใหม่ต่อไป “ “ หมายความว่าไง มนุษย์รุ่นต่อไป “ “ นายคือมนุษย์รุ่นที่ 2 ของพวกเรา มนุษย์รุ่นแรก เราตรวจสอบแล้วไม่พบว่าใครรอดจากการชน เราจึงปรับปรุง ลดสารบางตัว แล้ว ฉีดบางตัวเพิ่มเข้าไป ก็กลายมาเป็นแกไงล่ะ “ “ ไหนๆ ฉันก็จะต้องไปทำงานที่ดาวพวกนาย ช่วยเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟังหน่อยเถอะ” ทิตพูดหลอกล่อ เพื่อเอาความจริง “ ได้ ความจริงแล้ว โลก ก็คือสนามทดสอบ สิ่งมีชีวิต ที่เราผลิตขึ้น เช่น มนุษย์ โพซิกิ กาโกโก และ เผ่าพันธุ์อื่นๆ เราเป็นคนคิด ภาษา วัฒนธรรม ศาสนา วิทยาการ ทั้งหมด อย่าคิดว่า มนุษย์อย่างพวกแก จะเริ่มคิดเองได้นะ ตึกทุกตึก บ้านทุกหลัง ต้นไม้ทุกต้น พวกเราเป็นคนสร้าง ชีวิตของพวกแกเริ่มขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมานี่เอง ส่วนเรื่องประวัติศาสตร์ พวกเราก็แค่สร้าง มันขึ้นมาทั้งหมด แล้วก็ป้อนเข้าสู่สมองของพวกแก “ “ แล้วพวกพระเจ้า สวรรค์ นรก วิญญาณ ล่ะ ? “ “ พระเจ้า คือ สิ่งที่เราสมมติขึ้นให้พวกแก รวมทั้ง คำสอนทุกคำสอน หลักธรรมทุกหลัก นอกนั้น ก็เป็นสิ่งที่พวกแกคิดขึ้นมา ฉันก็อยากจะรู้ พวกแกไปเอาความคิดพวกนี้มาจากไหนวะ โง่สิ้นดี ฉันหวังว่านายคงจะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้นะ แต่ยังดีที่พวกแกฉลาดอยู่อย่างนึงที่เรียกพวกเราว่า สิ่งมี ชีวิตอันทรงปัญญา “ 6944 หัวเราะ “ ฉันคิดว่า ฉันจะไม่ไปกับนายแล้วล่ะ พวกนายมันเห็นมนุษย์เป็นของเล่น นึกจะทำลายก็ทำลาย พวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตนะ เข้าใจมั๊ย คำว่า ชีวิต น่ะ “ “ ชีวิตของพวกแกจะว่าไป ก็มีแต่กิเลส นั่นล่ะ ก็เพราะ กิเลส ของพวกแกไม่ใช่เหรอ ที่มันทำให้ พวกแกฆ่ากันเองน่ะ ดูอย่างพวกเราสิ ไม่มีกิเลส พวกเราก็ไม่มีทุกข์ ไม่มีการฆ่ากันเอง พวกเรา ต่างคนมีหน้าที่ของตัวเอง ต่างคนก็ต่างทำ ไม่มีค่าจ้าง ทุกคนทำด้วยความเต็มใจ นี่ล่ะ สารที่เรา จะต้องเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อพัฒนาเผ่าพันธุ์พวกแกให้ดีขึ้น ไม่รู้สินะ พอฉีดสารพวกนี้เข้าไปทีไร มัน ทำให้พวกแกตายทุกที “ ทิตได้ยิน ก็รู้สึกอึ้งไปเหมือนกัน “ ไปกับเราได้แล้ว “ 6944 จับหัวทิต เพียงพริบตา ทั้งคู่ก็มาอยู่ในยานแล้ว ภายในยาน มีเพียงแค่แผงควบคุมต่างๆ ที่สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง หน้าต่างของยานด้านหน้าเปิดออก ตอนนี้ยานค่อยๆ เคลื่อนตัว แล้วบินออกจากโลกอย่างรวดเร็ว ทิศทางที่กำลังมุ่งตรงไปคือ ดวงอาทิตย์ ! “ พวกนายจะบ้าเหรอ พวกนายกำลังพุ่งเข้าหาดวงอาทิตย์นะ ! “ ทิตเตือน แต่ 6944 ไม่พูดอะไร ยานเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งใกล้ดวงอาทิตย์ ....... ยานวิ่งพุ่งเข้าชนดวงอาทิตย์ วิ่งผ่านเพลิง อันร้อนแรงของดวงอาทิตย์ ไปเรื่อยๆ จากนั้นก็มีแสงจ้าเกิดขึ้น เมื่อแสงนี้หายไป สิ่งที่ทิตกำลัง เห็นก็คือ เมืองของ พวก มนุษย์ต่างโลก เหล่านี้ “ นี่ไงล่ะ สาเหตุที่พวกแก หาพวกเราไม่เจอ มัวแต่ไปงมโข่งอยู่ที่ดาวอังคาร “ 6944 พูดไป หัวเราะไป...... บทที่ 4 ยานเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ เทียบเข้าที่ หอคอยใหญ่ แห่งหนึ่ง 6944 และ ทิต ลงจากยาน ทั้งคู่เดินเข้า สู่หอคอยใหญ่ นี้ เดินผ่านประตูต่างๆ ไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าประตูของห้องๆ หนึ่ง ประตูเปิดออก ทั้งคู่ก็เดินเข้าไป “ เดี๋ยว แกจะได้เข้าพบ บิดาของพวกเรา “ “ นี่ฉันจะได้เข้าพบ กษัตริย์ของดาวนี้หรือเนี่ย “ “ จะพูดอย่างนั้นก็ถูก “ “ ทำไมได้เข้าง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ ไม่กลัวมีคนมาปองร้าย เหรอ “ “ พวกเราไม่มีความคิดร้ายๆ แบบพวกมนุษย์หรอก “ ห้องที่ทั้งคู่เดินเข้าไป ไม่มีขอบเขตของห้อง มองไปทางไหนก็เจอแต่สีขาว 6944 หยุดเดิน บังลังก์ ค่อยๆ ลอยลงมาจากเบื้องบน จนถึงพื้น “ นี่น่ะเหรอ มนุษย์ที่ฉลาดที่สุด “ บิดา ถาม “ ครับ บิดา “ 6944 ตอบ “ ไหน เจ้า ลองบอกกับ ข้า ซิว่า เจ้าสร้าง แคปซูล นี่ได้ยังไง “ บิดา ถาม แคปซูลนั้นปรากฎขึ้นทัน ที “ ........... “ ทิต ตกตะลึง กับ ความสง่าของ บิดา ซึ่ง ตัวใหญ่กว่า 6944 มาก มีเค้าหน้าของมนุษย์ เล็กน้อย กล้ามเป็นมัดๆ “ บิดาถาม ก็ตอบสิ ! “ 6944 เรียกสติ ทิต “ เอ่อ..... มันโผล่ขึ้นมาจากพื้นน่ะครับ แล้วมีคนออกมาจากแคปซูล เขามีเสาอากาศที่หัวด้วย แล้วก็.... “ “ ว่าไงนะ ! แกบอกว่ามีเสาอากาศที่หัวเหรอ “ 6944 ถาม “ ใช่ “ “ คนนั้น หน้าตาเป็นมนุษย์ใช่มั๊ย “ 6944 ถามต่อ “ ก็ใช่อีกนั่นล่ะ ทำไมเหรอ “ ทิต ตอบ “ แล้วแก เอาแคปซูลของเขามาใช้ งั้นเหรอเนี่ย “ “ ใช่ ก็เขาตายแล้วนี่ แล้วมันก็มีกระดาษเขียนไว้ว่า 1 มกรา 2000 จะมีอุกกาบาตมาชน แล้วเขา ก็บอกว่าให้ เข้าไปในแคปซูลนี้ แล้วก็ฝัง ก็เลยทำตาม “ ทิตก็ตอบไป “ แกรู้มั๊ย ! เจ้าของแคปซูลนี้ คือ มนุษย์รุ่นแรก ที่เราผลิตขึ้น แกมันมนุษย์หน้าโง่ ชอบฉวย โอกาส “ 6944 โกรธมาก “ ฉันพอจะเข้าใจแล้ว หลังจากนายถล่มมนุษย์รุ่นแรกทั้งหมด พวกนายก็สร้างพวกฉันขึ้นมาเป็น รุ่นใหม่ทันที หลังจากที่หามนุษย์รุ่นแรกที่รอดไม่เจอ ฉันคิดว่า เขารอดแต่เขาไม่ยอมขึ้นมา จากใต้ดิน เพราะ ในแคปซูลนั้นน่ะ มีกล้องสำหรับส่องดูสิ่งต่างๆที่อยู่ด้านบน เขาคงเห็นพวกแก ก็เลยไม่ยอมขึ้นมา พอพวกแกไป แล้วค่อยขึ้นมาไงล่ะ “ ทิตพูดเสร็จ เขาเริ่มหายใจไม่ออก และ เริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ “ อย่าไปทำเขา เราเป็นคนที่เจริญแล้วนะ 6944 “ บิดาพูด ทิตกลับมาหายใจได้เหมือนเดิม บิดาพูดต่อ “ 6944 ผลิตมนุษย์รุ่นใหม่ขึ้นซะ ปรับปรุงให้ดีขึ้น ส่วนเจ้า พอได้แล้ว ............ “ บิดาพูดจบ ทิตมึนหัวมากแล้ว ล้มไป... 32 มกรายน ค.ศ 1997 “ ทิต.... วาทิต........คะ ตื่นได้แล้ว ที่รัก “ เสียงนั้น ปลุกวาทิตให้ตื่นขึ้น “ เดี๋ยวไป ประชุมสายนะ เร็ว “ “ เอ้อ ใช่ ผมมีประชุมกับ หุ้นส่วนต่างประเทศนี่นา เอ๊ะ ทำไมผมรู้สึกว่า ผมมองอะไรไม่ค่อยชัด เลยแฮะ “ “ ก็คุณลืม ดึงเสาอากาศ ขึ้นไงคะ ....... แล้วไปคุยกับพวกฝรั่ง อย่าลืมหมุนเสาเปลี่ยนภาษาล่ะ เดี๋ยวจะคุยกันไม่รู้เรื่องนะ..... “ จบแล้ว เสนอ ความเห็นด้วยนะครับ