UV ray คืออะไร มีอันตรายอะไรกับเรา    

[back to Home]

by ~nawo~ [Dec 18, 2002]

        โดยทั่วไป เรามักคิดว่ารังสีอัลตร้าไวโอเลต มาจากดวงอาทิตย์ แต่ที่จริงแล้วรังสียูวีมีแหล่งกำเนิดมาจากหลายอย่าง 
แล้วทำไมรังสีนี้จึงชื่ออัลตร้าไวโอเลต ที่แปลว่าเหนือม่วง ไปหาคำตอบข้างล่างกันค่ะ

            

 

         คนเรามองเห็นสิ่งของต่างๆผ่านดวงตาได้ เพราะมีแสงมาตกกระทบ แต่แสงที่เราเห็นนั้นไม่มีสี หรือที่ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่าแสงขาว (white light หรือ visible light) ซึ่งมีความยาวคลื่นอยู่ที่ 400-700 นาโนเมตร (nm) เป็นความยาวคลื่นที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ และหากเราเอาปริซึมมาแยกแสง จะได้สีหลักๆ 7 สี เหมือนสีรุ้ง ได้แก่ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด และแดง
แต่ยังมีรังสีที่ความยาวคลื่นอื่นๆอีกที่มุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นั่นคือที่ความยาวคลื่นน้อยกว่า 400 nm หรือมากกว่า 700 nm

 

           รังสีที่มีความยาวคลื่นน้อยอยู่ในช่วง 100-400 nm จึงเรียกว่ารังสีอัลตร้าไวโอเลต (UV) เพราะมันอยู่ทางด้านซ้ายมือของแสงสีม่วง และรังสีที่มีความยาวคลื่น 700-3000 nm ก็จะถูกเรียกว่ารังสีอินฟราเรด (IR) เพราะมันอยู่ทางด้านขวามือของแสงสีแดง ดูรูปด้านล่าง

 

Physical Effect

Non-ionizing Radiation

กระจกตาอักเสบเนื่องจากแสง

UV

 ผิวหนังแสบแดง (erythema)

UV

ต้อกระจก

UV, IR

กระจกตาถูกเผาไหม้

UV, IR

เรตินาถูกเผาไหม้

Visible, Near IR

         

รังสี UV ยังสามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น 3 แบบ และแต่ละแบบมีผลต่อร่างกายมนุษย์ดังนี้  
to see the pictures of skin anatomy 

UVA (320-400 nm) :
causes aging, photoallergic reactions, and possible skin cancer.
สามารถทะลุผ่านผิวหนังได้ลึกถึงชั้น dermis
มีความเป็นไปได้ว่า แม้ได้รับ UVA เพียงอย่างเดียวก็จะส่งผลให้สีผิวเข้มขึ้น ก็ตาม และหากเราได้รับ photosensitizing agent ร่วมกับ UVA จะทำให้ผิวหนังถูกเผาไหม้และเกิดปฏิกิริยาที่เป็นพิษ

หากเราได้รับ UVA เพียงตัวเดียว อาจทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น เกิดรอยเหี่ยวย่น ทำอันตรายต่อดวงตา และไปยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และถ้าร่างกายได้รับหรือกินเอาสารที่เป็นพิษหากโดนแสงเข้าไป เช่นยา หรือครีม UVA อาจไปทำให้ผิวหนังต่อต่านสิ่งที่ได้รับเข้าไป กรณึนี้ควรปรึกษาแพทย์

UVB (280-320 nm) :
causes sunburn, aging, skin cancer, and herpes reactivation.
โอโซนในบรรยากาศชั้น stratosphere สามารถกรองรังสี UVB ได้เป็นบางส่วน 
เนื่องจาก UVB มีความยาวคลื่นสั้นกว่า UVA จึงทะลุไปผิวหนังชั้นตื้นกว่าคือชั้น epidermis   
UVB จะไปกระตุ้นผิวหนังให้ผลิตรงควัตถุสีดำหรือ melanin ที่ก่อให้เกิดสารเคลือบรอบๆเซลล์เพื่อป้องกันตัวมันจากการโดนแสงแดด อาจทำให้ตาบอดเนื่องจากการสะท้อนแสงจากหิมะ ไปยับยั้งการทำงานจองระบบภูมิคุ้มกัน และทำให้เกิดปัญหาแก่ผิวหนังต่างๆ เช่นมะเร็งผิวหนังหรือ รอยเหี่ยวย่น

แม้ว่า UVB จะไม่สามารถทะลุผ่านผิวหนังได้ลึกเหมือน UVA แต่ก็สามารถทำให้ผิวหนังถูกเผาไหม้ได้เหมือนกัน
ประโยขน์ของ UVB คือร่างกายใช้สร้างวิตามิน D3 ซึ่งจำเป็นต่อกระดูกและการมีสุขภาพดี

UVC (100-280 nm):

ความยาวคลื่นสั้น จึงสามารถถูกกรองด้วยชั้นโอโซนในบรรยากาศชั้น stratosphere

        ตามปกติ รังสีที่มีความยาวคลื่นยาวกว่า จะอันตรายต่อมนุษย์น้อยกว่า คลื่นที่สั้นจะมีความถี่สูงกว่าและพลังงานมากกว่า ซึ่งแม้ว่าจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เช่น UVC เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่ก็ใช้เป็นโคมไฟสำหรับฆ่าเชื้อโรค เพื่อ sterilize อุปกรณ์ น้ำและอากาศในห้องผ่าตัด เพราะมันสามารถทำลายแบคทีเรียและไวรัสได้

        ผลของรังสียูวีต่อหน่วยที่เล็กที่สุดในระบบนิเวศวิทยา (ecosystem) บนโลกยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างแน่ชัด แต่รังสียูวีก็สามารถทำอันตรายคนได้ จึงมีการผลิตสารกันแดด แว่นตากันแดดที่ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB

อยากรู้เรื่องสารกันแดด ไปที่นี่ค่ะ Sun Safety Info

        ในขณะที่มนุษย์เราเลือกที่จะปกป้องตัวเองจากแสงแดดได้ เช่นหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน แต่พืชและสัตว์ไม่ได้โชคดีอย่างเรา จากการศึกษาพบว่าแสงยูวีแรงๆ สามารถก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากมายกับพืชหรือสัตว์ขนาดเล็ก คาดกันว่าแพลงตอนพืช ไข่ปลา และพืชที่ยังโตไม่เต็มที่ที่กำลังสร้างใบ จะได้รับความเสียหายจากการได้รับแสงยูวีมากเกินไป

 

สรุปผลที่เกิดกับผิวหนังและดวงตาเมื่อได้รับรังสี UV, IR และ visible light นะคะ

Physical Effects ที่เกิดจาก UV, IR, และ Visible Light โดยสรุป

ผลต่อดวงตา
Click to view the larger picture of eye anatomy

ผลต่อผิวหนัง
 

ความยาวคลื่น (nanometers)

แหล่งกำเนิด

ผลต่อกระจกตา

กระจกตาอักเสบจากการโดนแสง

ผิวหนังไหม้

มะเร็งผิวหนัง

Ultraviolet:

far: 100-280 (nm)

middle: 280-320 nm

· ประกายไฟจากการเชื่อมโลหะ

· plasma torches

· low-pressure mercury lamps

· high-pressure mercury lamps

· quartz mercury lamps

· lasers

ผลต่อเลนส์ตา

ผิวสีเข้มขึ้น

ผิวหนังไหม้

ปฏิกิริยาเคมีที่เกิดจากแสง

near Ultraviolet:

320-400 nm

· แสงฟลูออเรสเซนต์ จากหลอดไฟ

· lasers

ผลต่อเรตินา

เรตินาถูกเผาไหม้

ผิวหนังไหม้

ปฏิกิริยาเคมีที่เกิดจากแสง

Visible through Near Infrared:

visible: 400-700 nm

near IR: 700-1400 nm

· ประกายไฟจากการเชื่อมโลหะ

· lasers

· โคมไฟให้ความร้อน

ผลต่อเลนส์ IR 

ต้อกระจก

ผิวหนังไหม้

Middle Infrared:

middle IR: 1400-3000 nm

· lasers/แสงจากเครื่องถ่ายเอกสาร

· flash lamps/ประกายไฟจากการเชื่อมโลหะ

ผลต่อกระจกตา

กระจกตาถูกเผาไหม้

ผิวหนังไหม้

Far Infrared:

3000-10,000 nm

lasers

 

Refernces

http://www.srrb.noaa.gov/UV/

http://www.wolffsystem.com/N.American_Wolff/indoor_tanning_education/uva_uvb_uvc_differences.htm

http://www.physlink.com/Education/AskExperts/ae300.cfm

http://www.sun-togs.com/main/radiation.htm

http://www.jlab.org/ehs/manual/EHSbook-485.html 

 

Hosted by www.Geocities.ws

1