บทที่ 4
การวิเคราะห์ และประเมินค่าความมั่นคงแห่งชาติ
1.
กล่าวทั่วไป
การประเมินค่าความมั่งคงแห่งชาติในเชิงรูปธรรม ก็คือ
การกำหนดหรือระบุลงไปว่า ความมั่นคงแห่งชาติในแต่ละองค์ประกอบเป็นอย่างไร มีความมั่นคงมากน้อยเพียงใด
และภาพรวมทั้งสิ้นของความมั่นคงแห่งชาติเป็นเช่นไร
ซึ่งอาจอาศัยการพิจารณาปัจจัยจากองค์ประกอบพื้นฐานของพลังอำนาจของชาติที่ได้กล่าวไว้ในบทที่สาม
หรือองค์ประกอบของความมั่นคงที่ได้จัดแบ่งไว้ในบทที่สอง กล่าวคือ
พิจารณาในองค์ประกอบความมั่นคงทางด้านการเมือง ทางด้านเศรษฐกิจ ทางด้านสังคม - จิตวิทยา ทางด้านการทหาร และความมั่นคงทางด้านอื่น ๆ
ซึ่งในที่นี้จะได้กล่าวถึงในเรื่องของ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
และสิ่งแวดล้อมซึ่งในปัจจุบันได้จัดเป็นพลังอำนาจแห่งชาติในประการหนึ่งด้วย
และที่สำคัญในยุคกระแสโลกาภิวัตน์ที่จะได้กล่าวถึงก็คือ ความมั่นคงทางด้านข้อมูลข่าวสาร
สำหรับการประเมินค่าความมั่นคงแห่งชาติที่จะกล่าวต่อไปนี้
เป็นแนวทางในการประเมินในรูปแบบหนึ่งเท่านั้น
และเป็นการประเมินโดยมุ่งเฉพาะปัจจัยทีสำคัญ ๆ เป็นหลัก
และเน้นไปที่ปัจจัยภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยมิได้เทียบเคียง
หรือเปรียบเทียบกับประเทศอื่น[56]
2.
การวิเคราะห์
และประเมินค่าความมั่นคงแห่งชาติ
2.1
ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านการเมือง
ความมั่นคงทางการเมืองเป็นพลังที่สำคัญต่อความมั่นคงของชาติ
เพราะเป็นที่รวมของอำนาจในการบริหารประเทศให้เกิดความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ประเทศชาติที่ระบบการเมืองมั่นคง รัฐบาลมีเสถียรภาพ จะสามารถเผชิญ
และแก้ปัญหาอันเป็นภัยคุกคามทั้งภายใน และภายนอกประเทศได้
ความมั่นแห่งชาติทางด้านการเมือง อาจพิจารณาแบ่งออกเป็น 2 ประการ คือ ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านการเมืองในประเทศ
และความมั่นคงแห่งชาติทางด้านการเมืองระหว่างประเทศ
2.1.1 การเมืองภายในประเทศ
ข้อพิจารณาสำหรับความมั่นคงทางด้านการเมืองภายในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ความเชื่อถือศรัทธาในระบอบการปกครอง มีความเชื่อมั่น และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนร่วมมือกับรัฐบาล ความมั่นคงทางการเมืองจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญที่ผสมผสานกันดังนี้
- ระบอบการปกครอง สังคมอยู่ได้ด้วยดี เพราะคนในสังคมยอมรับในกฎเกณฑ์ของสังคมนั้น ประเทศชาติก็เช่นเดียวกัน จะอยู่ในกฎเกณฑ์ใด ระบอบการปกครองใด ก็ควรจะต้องเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเอกลักษณ์ เหมาะกับอุปนิสัย และความต้องการของชนในชาติ
ระบอบประชาธิปไตยนั้น ยึดมั่นและให้ความสำคัญของศักดิ์ศรี วิถีชีวิต ความเสมอภาค และสิทธิเสรีภาพบุคคล คุณค่าและศักดิ์ศรีของมนุษย์ มีรากฐานสำคัญอยู่ที่มนุษย์สามารถใช้วิจารณญาณของตนเอง และสามารถกำหนดวิถีชีวิตของตนเอง โดยปราศจากการบงการหรือการใช้กำลังบังคับ นับว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตย ให้ความสำคัญและนับถือคุณค่าของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยต้องการ
สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่เคยไร้กษัตริย์ นับตั้งแต่โบราณกาลเป็นต้นมา ไม่ว่าคนไทยจะไปลงหลักปักฐานสร้างบ้านสร้างเมือง ณ ที่ใด บ้านเมืองของคนไทยนั้นต้องมีกษัตริย์ ในยามที่บ้านเมืองเกิดยุคเข็ญ องค์พระมหากษัตริย์นั้นว่างลง ก็จะต้องมีคนคิดกอบกู้สถาบันพระมหากษัตริย์ให้กลับฟื้นขึ้นมาใหม่เพื่อสืบสถาบันต่อไปมิให้ขาดลงได้
เพราะเหตุว่าคนไทย แลเห็นความสำคัญแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อชีวิต ต่อสังคม และต่อการสืบทอดวัฒนธรรมไทย ทำให้สังคมมีเอกลักษณ์ของตนเอง เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยนั้น มีลักษณะแตกต่างจากสถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมอื่น ๆ อยู่มาก เนื่องจากตั้งอยู่บนรากฐานแห่งความรัก และความศรัทธาของประชาชน
นี่คือเหตุผล และข้อพิสูจน์ว่าระบอบการปกครองที่เหมาะสมกับประเทศไทยที่สุดคือ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
- ผู้บริหารประเทศ (รัฐบาล) รัฐบาลเป็นหัวใจของการปกครองของชาติ รัฐบาลจะต้องมีความสามารถในการบริหาร ที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชน สำหรับคุณภาพที่ดีของรัฐบาลก็เช่น
มีความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน ให้เป็นไปตามกฎหมายข้อบังคับ และให้บรรลุวัตถุประสงค์ของชาติ
มีความสามารถในการรักษาเสถียรภาพทางการเมือง
มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
มีความสามารถที่จะยังความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ และสังคมให้เกิดแก่ประชาชนเป็นส่วนรวม
มีความสามารถในการดำเนินการทูต
มีความสามารถในการนำความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตทั้งทางอุตสาหกรรม และเกษตรกรรมของประเทศ เพื่อสร้างความสมบูรณ์พูนสุขให้กับประชาชน
รัฐบาลที่ดีจะต้องปฏิบัติงานให้ทันกับเหตุการณ์ และจะต้องใช้อำนาจต่าง ๆ อย่างเด็ดขาดมั่นคง และถูกทาง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ หากรัฐบาลประชาธิปไตยไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาที่สำคัญและเร่งด่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเทศชาติก็จะเกิดวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาแทรกแซงของอำนาจอื่น ๆ ในสังคมที่อาจเป็นอำนาจจากฝ่ายทหารเช่นในอดีต อำนาจจากการรวมตัวกันของคนบางกลุ่ม อำนาจจากภายนอก เป็นต้น
- กลไกลของรัฐบาล (ข้าราชการ , เจ้าหน้าที่) ประเทศชาติที่เจริญก้าวหน้า และมีความมั่นคงนั้น ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายทุกคนเป็นกำลังอันสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ ต้องอาศัยการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต และทำงานอย่างมีอุดมการณ์และมีประสิทธิภาพ มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ให้ความช่วยเหลือประชาชน เป็นหลัก และเป็นแบบฉบับที่ดีให้ประชาชนได้รู้จัก และตระหนักในสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบในระบอบประชาธิปไตย และเป็นที่พึ่งอันอบอุ่นของประชาชน
- นักการเมืองและพรรคการเมือง นักการเมืองจะต้องเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์ มีวินัย เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ของตนเอง หรือประโยชน์ของพรรค มีความเข้าใจและศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย ยึดหลักและนโยบายที่ดีงาม อุทิศตนเพื่อประโยชน์สุขของชาติและประชาชน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์มูลฐานของชาติไทย
พรรคการเมืองต้องวางรากฐานจากประชาชนอย่างแท้จริง และมีนโยบายอย่างแน่ชัดในอันที่จะเข้าร่วมบริหารประเทศ หรือกำกับดูแลการบริหารประเทศให้เป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตย ในอันที่จะบรรลุวัตถุประสงค์มูลฐานของชาติ
- ประชาชน ความมั่นคงทางการเมืองจะเกิดขึ้นได้นั้น ประชาชนต้องสามารถมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศอย่างแท้จริง การที่จะเป็นเช่นนี้ได้ต้องให้ประชาชนมีความรู้มีความเข้าใจในสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบ มีความเลื่อมใสและศรัทธาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มีความสนใจการเมือง รู้จักและตระหนักถึงคุณค่าของการใช้อำนาจอธิปไตยของตน อาทิเช่น ตระหนักถึงคุณค่าของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยให้ได้มาซึ่งผู้แทนราษฎรที่ดีที่สุด
- ความศรัทธาของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ
ที่พร้อมจะให้การสนับสนุนต่อระบอบการปกครอง
และการบริหารงานของรัฐบาลที่เป็นอยู่ในขณะนั้น
ประเทศใดก็ตามที่มีประชาชนซึ่งมีความเชื่อถือมีศรัทธา มีความจงรักภักดี
และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนระบอบการปกครองของรัฐบาลอย่างจริงจังเป็นจำนวนมากแล้ว ความมั่นแห่งชาติทางด้านการเมืองในประเทศก็ยิ่งมีมากขึ้น
ในทางตรงกันข้ามหากประชาชนมีความไม่พอใจในระบอบการปกครอง
หรือการบริหารงานของรัฐบาลในระยะนั้นเป็นจำนวนมากในเวลาเดียวกัน
ก็จะมีความศรัทธาและมีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนรัฐบาลน้อย ก็อาจพิจารณาได้ว่า
ประเทศนั้นยังไม่มีความมั่นคงแห่งชาติทางด้านการเมืองภายในประเทศ
ดังจะเห็นได้จากประเทศที่มีระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย
แต่แนวความคิดของประชาชนเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยยังไม่ตรงกัน
ก็มักจะมีปัญหาทางด้านการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอยู่บ่อย
ๆ
มีผู้กล่าวไว้ว่า เสถียรภาพและความมั่นคงของระบอบการเมือง
เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดอันหนึ่งในการเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ
โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งมักมีปัญหาวุ่นวายทางการเมือง
เป็นเหตุให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพและล้มลุกคลุกคลาน ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน
ผู้นำทางการเมืองทำการฉ้อราษฏร์บังหลวงในรูปแบบต่าง ๆ
ทำให้เกิดความวุ่นวายอยู่เป็นประจำ
และกลุ่มอิทธิพลจะถือเป็นปัจจัยในการปฏิวัติ หรือรัฐประหารต่อไปซึ่งถือกันว่าเป็น
"วงจรอุบาทว์ " (Vicious Circle) ของระบบการเมืองภายในประเทศ สำหรับในประเทศพัฒนาแล้ว
ประเด็นนี้ไม่ค่อยได้กล่าวถึงกันนัก
เพราะระบบการเมืองในประเทศเหล่านี้ค่อนข้างจะมีความมั่นคงพอสมควร
2.1.2 การเมืองระหว่างประเทศ
ประเทศชาติก็เหมือนคนเราตรงที่อยู่โดดเดี่ยวตามลำพังไม่ได้ จะต้องมีการคบหาสมาคม และจะต้องอยู่ร่วมกับประเทศอื่น ๆ ในโลก ประเทศใดมีประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศใกล้เคียงเป็นมิตรสนิทสนมกัน ไม่มีกรณีพิพาทปัญหาชายแดนหรือปัญหาขัดแย้งอื่นใด ไม่ถูกคุกคามโดยประเทศที่มีแสนยานุภาพเหนือกว่า ก็นับได้ว่ามีความมั่นคงพอสมควร แต่จะอย่างไรก็ตามแต่ละประเทศ จะต้องพยายามติดต่อสัมพันธ์กับประเทศอื่น หรือกลุ่มประเทศทั้งหลาย เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติของตนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมโดยการ
- ดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างอิสระ โดยยึดถือผลประโยชน์ความมั่นคงและความอยู่รอดของชาติเป็นสำคัญ
- ส่งเสริมสัมพันธ์ไมตรีอันดีและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าและสังคม
- ยึดมั่นในหลักการเคารพเอกราชอธิปไตย บูรณภาพดินแดน ความเสมอภาคการไม่รุกราน และไม่แทรกแซงในกิจการภายในซึ่งกันและกัน
- ให้ความสนับสนุนร่วมมืออย่างเต็มที่ แก่บรรดาสมาชิกของสมาคมแห่งประชาติ (เช่นกลุ่มอาเซียน) เพื่อให้เกิดเสถียรภาพ ความมั่นคง ความไพบูลย์รุ่งเรือง และสันติสุขร่วมกัน
ทั้งนี้
โดยการติดต่อระหว่างกันโดยการทูต การไปมาหาสู่กัน ความมั่นคงทางการเมืองระหว่างประเทศ
จะมีส่วนช่วยให้การเมืองภายในมั่นคงขึ้น อาทิเช่น การรับรองรัฐบาลที่ตั้งขึ้นใหม่
ส่วนทางด้านการทหารในกรณีที่มีความขัดแย้ง
ยังอาศัยการเจรจากันเสียก่อนที่จะใช้กำลังเข้ารบราฆ่าฟันกัน
ถ้าหากนโยบายต่างประเทศไม่เหมาะสมเป็นต้นว่า
นโยบายต่างประเทศที่แถลงออกไปนั้น เป็นผลให้ไปสร้างศัตรูกับประเทศของตนรอบด้าน
หรือในการปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผลให้เกิดการผลักดันต่อประเทศอื่น ๆ
ร่วมตัวกัน สกัดกั้น หรือขัดขวางผลประโยชน์ของชาติของตนเอง
หรือไปรวมตัวกันร่วมทำสงครามกับประเทศใดประเทศหนึ่ง
เช่นนี้ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านการเมืองระหว่างประเทศก็จะสูญเสียไป
2.2 ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หมายถึง ฐานะความเป็นปึกแผ่นทางเศรษฐกิจของประเทศ ประเทศที่มีเศรษฐกิจดี ประชาชนของประเทศต้องมีความอยู่ดีกินดี มีรายได้ดีพอสมควร ผลผลิตรวมของกิจการต่าง ๆ ของประเทศมีการขยายตัวอย่างสม่ำเสมอ รายได้ของรัฐสูงนำไปพัฒนาให้เศรษฐกิจมีความเจริญก้าวหน้าอย่างมีเสถียรภาพ และบังเกิดความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม แก่ประชาชนโดยถ้วนหน้ามี ความเจริญมั่นคง ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจได้แก่
2.2.1 ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ แร่ธาตุ และแหล่งพลังงาน คือ ทุนโดยธรรมชาติที่ประเทศใดมีมากกว่า และสามารถนำมาเป็นผลผลิตได้ย่อมจะได้เปรียบประเทศที่มีน้อยกว่า
2.2.2 ทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources) คือ คุณภาพทางร่างกาย และจิตใจของประชากร อันเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงสุดของประเทศ ที่ทรัพยากรอื่นใดมิสามารถจะมาทดแทนได้ เศรษฐกิจจะดีจะต้องพัฒนาคนให้มีคุณภาพ คือ มีความรู้ ความสามารถ มีวินัย ขยัน ประหยัด มานะ ซื่อสัตย์ อดทน ควบคู่กับความเจริญทางเทคโนโลยี จะเห็นได้ว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ จะต้องพึ่งพาจากประเทศอื่น แต่ญี่ปุ่นสามารถเอาชนะธรรมชาติที่เสียเปรียบจนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้ เพราะการพัฒนาคนควบคู่กับพัฒนาเทคโนโลยี
2.2.3 เทคโนโลยี ในยุคปัจจุบันนี้ ความเจริญทางเศรษฐกิจนั้นเป็นผลจากการที่ปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแรงงาน วัตถุดิบ หรือทุน มีผลผลิตสูงขึ้น ก็เนื่องจากความก้าวหน้าในทางเทคโนโลยีนั่นเอง ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการผลิต ผลิตภัณฑ์และบริหารใหม่ ๆ ก่อให้เกิดความต้องการและสนองความต้องการ ตลอดจนขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจออกไป ความเจริญและมั่นคงทางเศรษฐกิจ จึงต้องการเทคโนโลยีและการลงทุนควบคู่กันไปเสมอ บรรดาประเทศที่มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม และประเทศที่ต้องการพัฒนาให้เป็นประเทศอุตสาหกรรม จึงได้จัดสรรงบประมาณของชาติส่วนหนึ่ง สำหรับการลงทุนเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยี การลงทุนดังกล่าวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการรักษาฐานะการแข่งขันระหว่างประเทศในทุก ๆ ด้าน
2.2.4 นโยบายและการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐ ที่เข้มแข็งโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
- ทำให้อัตราความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจสูงขึ้นทุกปี และสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของพลเมือง โดยมีการกระจายรายได้ และความเจริญให้แผ่กระจายไปทั่วทุกท้องถิ่น ให้รายได้ของประชาชนไม่แตกต่างกันจนเกินไป จำนวนคนว่างงานให้ลดลงและรายได้ที่แท้จริงของประชาชนต่อคนสูงยิ่งขึ้น ๆ ทุกปี ตลอดจนให้มีการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ (ECONOMIC STABILITY) ของประเทศ ซึ่งขึ้นกับนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐ 5 ประการ คือ
นโยบายการผลิต หมายถึง นโยบายในการเพิ่มผลผลิตให้พอเพียงแก่ความต้องการภายในประเทศและนอกประเทศ และจัดการให้ผลตอบแทนจากการผลิตได้กระจายไปสู่ปัจจัยแห่งการผลิตต่าง ๆ อย่างเป็นธรรม
นโยบายการคลัง หมายถึง นโยบายเกี่ยวกับรายได้ รายจ่าย และหนี้สินของรัฐตลอดจนการบริหารงานคลัง
นโยบายการเงิน หมายถึง การกำหนดและควบคุมปริมาณเงินให้พอเหมาะสมพอดีกับความต้องการทางเศรษฐกิจของประเทศ (คือไม่ให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ หรือเงินฝืด)
นโยบายการค้าต่างประเทศ หมายถึง นโยบายเกี่ยวกับการส่งออก การนำเข้าดุลการค้า ดุลการชำระเงิน อัตราแลกเปลี่ยน และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
นโยบายควบคุมภาวะตลาดในประเทศ หมายถึง นโยบายในการจัดระเบียบการดำเนินธุรกิจอันไม่ชอบธรรมแก่นักธุรกิจอื่นและประชาชนทั่วไป
- เสถียรภาพของรัฐบาล และความสงบสุขปลอดภัยจากภยันตรายจากภายในและภายนอกประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนทั้งหลาย มีความมั่นใจในการลงทุน การลงทุนจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตส่งเสริมให้คนมีอาชีพ มีงานทำ อุตสาหกรรมบางอย่าง เช่น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นอกจากจะเป็นกิจการที่สามารถนำเงินเข้าประเทศมาแล้ว ยังมีผลให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ขยายตัวและเติบโตไปด้วย เช่นธุรกิจโรงแรม, ธุรกิจการนำเที่ยว, สินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า และของที่ระลึก ซึ่งจะได้ทั้งเงินตรามาพัฒนาประเทศ และเป็นการเผยแพร่ศิลปและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์อันดีงามของชาติ
ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จะทำให้ประเทศชาติสามารถจะจัดสรร การพัฒนาประเทศเสริมสร้างกองทัพ และกำลังในการป้องกันประเทศให้เข้มแข็งมีประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามศัตรูทั้งภายในและภายนอก เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี มีอาชีพมั่นคงต่อไป ทั้งนี้ ภาครัฐและภาคเอกชน จะต้องร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงใจและจริงจัง เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม
นอกจากนี้แล้ว
ความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจสามารถที่จะพิจารณาได้จากรายได้เฉลี่ยต่อบุคคลต่อปีของประชากรทั้งประเทศ
(Per
Capita)
พิจารณาจากการกระจายรายได้ ว่าเป็นไปในลักษณะที่เป็นธรรมหรือไม่
กล่าวคือ
ความแตกต่างในเรื่องรายได้ของแต่ละบุคคลจะต้องพยายามไม่ให้แตกต่างกันมากนัก เช่น
มีบุคคลกลุ่มเล็ก ๆ บางกลุ่มเท่านั้นที่มีรายได้สูง
แต่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนั้นมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจต่ำจะยังถือว่าประเทศมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจไม่ได้
การพิจารณาจากความจำเป็นพื้นฐาน
ที่เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งในการกำหนด เส้นความยากจน โดยความจำเป็นขั้นพื้นฐานนี้ เป็นระดับขั้นต่ำที่ยอมรับได้ อันได้แก่
อาหารสุขภาพอนามัย การศึกษา เครื่องนุ่งห่ม น้ำมันและการขนส่ง
หากครัวเรือนใดไม่สามารถจัดหาสิ่งจำเป็นพื้นฐานนี้ได้เพียงพอสำหรับคนในครอบครัว
ก็ถือว่าอยู่ในข่ายความยากจน
ซึ่งก็จะส่งผลให้ความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในระดับต่ำไปด้วย
การพิจารณาจากมาตรฐานการครองชีพ ก็เป็นอีกปัจจัยในการพิจารณา
เป็นการสำรวจถึงสินค้าทุกชนิดที่บุคคลหนึ่ง ๆ บริโภค
และกิจกรรมทุกอย่างที่บุคคลนั้นมีส่วนร่วม
การวัดมาตรฐานการครองชีพปกติจะวัดจากรายได้
หรือ รายจ่ายของครัวเรือน
ในขณะที่ในบางครัวเรือนอาจมีระดับมาตรฐานการครองชีพต่ำกว่าระดับของรายได้
ทั้งนี้เกิดจากการตัดสินใจหรือตามใจของครัวเรือนเองในการบริโภค
โดยมิใช่มีสาเหตุมาจากการมีรายได้ไม่เพียงพอ
ดังนั้นในการพิจารณาสภาพความยากจน ในปัจจุบัน
จึงนิยมคำนวณจากค่าใช้จ่ายพื้นฐานของครัวเรือนเพราะมีข้อมูลค่อนข้างจะถูกต้องแม่นยำกว่า
2.3
ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านสังคม - จิตวิทยา สังคมวิทยา
(Sociology) เป็นวิชาที่ศึกษาความสัมพันธ์ของมนุษย์ในสังคม
โดยธรรมดามนุษย์ที่อยู่ร่วมกันในสังคมย่อมจะต้องมีการติดต่อสัมพันธ์กันอยู่เสมอ
และความสัมพันธ์เหล่านี้จะประกอบเป็นโครงสร้างของสังคม (Social Structure) ซึ่งจะมีอิทธิพลอย่างมากเหนือพฤติกรรมของบุคคล ดังนั้น
สังคมวิทยาจึงมุ่งศึกษาโครงสร้างของสังคม
ส่วนจิตวิทยาสังคม
นั้นมุ่งศึกษาพฤติกรรมของปัจเจกชนเป็นสำคัญอย่างไรก็ตาม สังคมวิทยาเป็นเรื่องของนามธรรม
จึงเป็นการยากที่จะทำความเข้าใจให้ละเอียดลึกซึ้ง และต้องอาศัยวิชาแขนงอื่น ๆ
ของสังคมศาสตร์ประกอบในการศึกษาชีวิตของสังคม
ซึ่งจะช่วยให้ได้คำตอบที่สมบูรณ์ขึ้น
คำว่า "สังคมวิทยา" นี้ บุคคลส่วนมากไม่นิยมเรียกกัน แต่จะเรียกสั้น ๆ ว่า "สังคม" เท่านั้น และนำไปใช้ปฏิบัติกันแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน เช่น นโยบายของรัฐบาลในด้านสังคม สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม ฯลฯ เป็นต้น สำหรับแนวความคิดทางยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติที่เกี่ยวข้องนั้นในปัจจุบัน มักนิยมเรียก "สังคม - จิตวิทยา" เพราะให้ความหมายที่กว้างกว่าคำว่า "สังคมวิทยา" หรือ "สังคม" เพียงอย่างเดียว คือ เพิ่มคำว่า "จิตวิทยา" เข้าไปด้วย เพราะศาสตร์ว่าด้วยจิตวิทยานั้นเป็นศาสตร์ที่มีระเบียบและวิธีการค้นคว้าหาความรู้ เกี่ยวกับสาเหตุของพฤติกรรมต่าง ๆ ทุกพฤติกรรมที่เกิดขึ้นย่อมต้องมีสาเหตุ จิตวิทยาจึงเป็นเรื่องของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างจิตใจกับพฤติกรรม
ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านสังคม - จิตวิทยา
ส่วนมากจะพิจารณาถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยทั่วไปได้รับความคุ้มครองเพียงพอ
ประชาชนก็จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยความมั่นใจในความปลอดภัยจากอันตราย
ปราศจากความตื่นกลัวและความวิตกกังวลต่าง ๆ
รัฐใดก็ตามที่สามารถให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนของตน ทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างดี รัฐนั้น ๆ
ก็จะมีความมั่นคงที่ดีตามไปด้วย
นอกจากนั้นความมั่นคงแห่งชาติด้านสังคม-จิตวิทยา
ยังจะต้องพิจารณาถึงความเป็นธรรมในสังคมประกอบด้วย ความเป็นธรรมในสังคมนี้
หมายถึง
ความเป็นธรรมที่ได้รับจากขบวนการยุติธรรมของรัฐเป็นสำคัญ กล่าวคือ
หากประชาชนมีปัญหาขัดแย้งเกิดขึ้น
ก็จะได้รับการพิจารณาตามขั้นตอนของขบวนการยุติธรรมแก่เขาได้
โดยไม่มีอิทธิพลจากกลุ่มผลประโยชน์ใด ๆ
มาบีบบังคับ
ฉะนั้น ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีความรู้สึกว่า
ตนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและหากเกิดปัญหาข้อขัดแย้งใด ๆ ขึ้น
หรือมีการกระทำในบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายของบ้านเมือง หรือประเพณีอันดีงานของสังคมนั้นแล้ว
เขาจะได้รับการพิจารณาด้วยความเป็นธรรมเช่นนี้ก็เรียกได้ว่า สังคมนั้นมีความมั่นคง อนึ่ง
ปัญหาของการว่างงานหรือการไม่มีงานทำ
นับได้ว่าเป็นปัญหาสำคัญยิ่งในสังคมปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าจะเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจก็ตาม
แต่ก็มีผลกระทบต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง
เพราะหากมีผู้ว่างงานมากในรัฐใด
รัฐนั้นก็ย่อมเกิดความไม่สงบสุขขึ้นอย่างแน่นนอน และจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงตามไปด้วย
ไม่ว่าประเทศนั้นจะเป็นประเทศกำลังพัฒนา
หรือพัฒนาแล้วก็ตามฉะนั้น
ปัญหาทางเศรษฐกิจจึงมีส่วนสัมพันธ์และมีผลกระทบต่อสังคม-จิตวิทยาโดยตรง
ความมั่นคงของชาติทางด้านสังคมจิตวิทยา ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์และการผสมผสานกับของลักษณะความเข้มแข็งมั่นคงของพลเมืองอันมีองค์ประกอบดังนี้
2.3.1 สถาบันที่เป็นองค์คุณแห่งชาติ คือ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนจะต้องดำรงรักษาและเสริมสร้างให้เข็งแกร่งมั่นคง ประวัติศาสตร์ไทยได้บ่งบอกไว้ชัดเจนว่า ชาติไทยอยู่รอดปลอดภัยตลอดมาเพราะคนไทยยึดมั่นใน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
2.3.2 ลักษณะความเข้มแข็งมั่นคงของพลเมือง อยู่ที่คนในสังคมจะต้องมีคุณภาพ มีสุขภาพและคุณธรรมที่ดีเป็นพื้นฐาน ประเทศชาติเป็นสังคมใหญ่ จะมั่นคงได้อยู่ที่ผู้บริหารประเทศจะต้องเป็นหลักสำคัญในการสร้างสรรให้ประชาชนมีคุณภาพ สุขภาพ และคุณธรรม และให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม สังคมที่มั่นคงจะต้องดำรงซึ่งเอกลักษณ์ที่ดีของสังคมนั้นไว้อย่างมั่นคงถาวร เอกลักษณ์ของชาตินอกจากจะเป็นบ่อเกิดแห่งความภาคภูมิใจของคนในชาติแล้ว ยังเป็นจุดรวมที่ช่วยให้เกิดการประสานความคิด ประสานจิตใจ เกิดความร่วมใจ ซึ่งนำไปสู่ความสามัคคีของปวงชน ทั้งหมดนี้เป็นหลักสำคัญในการพัฒนาความเข้มแข้งมั่นคงของพลเมืองให้ผสมผสานและเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันที่เป็นองค์คุณแห่งชาติ
2.3.3 การพัฒนาคุณภาพ
- การศึกษา คือ การสร้างคุณภาพของคน ทำให้คนฉลาดรอบรู้ เพื่อนำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคม นอกจากความรู้ในด้านการประกอบอาชีพแล้ว จำเป็นจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในระบอบการปกครอง ความรู้ต่าง ๆ นั้นไม่เพียงแต่จะเรียนรู้จากสถาบันการศึกษาเท่านั้น การเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตเป็นสิ่งที่มีความสำคัญควบคู่กันไป และจะต้องควบคู่ไปกับการเสริมสร้างคนให้ยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจด้วยตนเอง มีความเป็นตัวของตัวเอง โดยมีจุดหมายมุ่งไปสู่ชีวิตที่มีอุดมการณ์ เพื่อการได้รับการยอมรับว่าเป็นคนมีคุณค่าในการดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม เป็นต้นว่า การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างกว้างขวาง และสามารถผลักดันให้งานที่เกี่ยวข้องก้าวไปสู่เป้าหมายได้ มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมและต่อหน้าที่ ทั้งในหน้าที่ของพลเมืองดีและหน้าที่การงาน มีความเป็นผู้นำที่ดี มีความสุขุมรอบคอบในการพิจารณาปัญหาต่าง ๆ มองปัญหาได้กว้างกว่าเพียงการมองจากมุมของตนเอง สามารถยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงท่ามกลางปัญหาทั้งหลาย และสามารถตัดสินใจได้อย่างลึกซึ้งถูกต้อง
- การปลูกฝังและสร้างเสริมให้มีระเบียบวินัย และเคารพกฎหมาย ในการดำรงชีวิตของคนเรา ทั้งในด้านความเป็นอยู่และในด้านการงานนั้น ย่อมต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้อื่นอยู่เสมอ การมีระเบียบวินัยจึงนับว่าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นแก่ชีวิตประจำวันของคนเรา ซึ่งส่งผลสะท้อนไปสู่สังคมโดยส่วนรวมได้ การทำงาน การประพฤติปฏิบัติใดก็ตาม ถ้าอยู่ในระบบแบบแผนที่ดีงาม ก็จะส่งผลในทางที่เป็นคุณ ทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี มีความรวดเร็ว ไม่สับสน ทำให้เกิดความน่าดู น่าชม และเป็นการยุติธรรมต่อคนทั่วไป ตัวอย่างที่เห็นชัดได้แก่การใช้รถ ใช้ถนน ถ้าผู้ขับขี่ยานพาหนะเคารพกฎจารจร ขับรถด้วยความระมัดระวัง ไม่ขับขี่ด้วยความประมาท ใช้อัตราความเร็วสูงและแซงกัน ผู้ใช้ทางข้ามถนนในทางข้ามที่กำหนดไว้ ไม่พรวดพราดวิ่งข้ามในขณะที่รถกำลังวิ่งมา ปัญหาที่เป็นอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน และปัญหาการจราจรติดขัดอันส่งผลกระทบกระเทือนต่อการเดินทาง ต่อธุรกิจการงานของผู้อื่นก็จะไม่มี การมีระเบียบวินัยและเคารพต่อกฎหมาย จะบังเกิดผลที่เป็นคุณต่อตนเองและสังคม ความไม่มีวินัยจะเกิดผลในทางตรงกันข้าม คือ ความสับสนวุ่นวาย ความบาดหมาง ไร้ความสามัคคี และเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้
- ความรับผิดชอบ สิ่งหนึ่งที่เป็นคุณค่าของคนเราคือ ความรับผิดชอบที่จะต้องมีต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคมและประเทศชาติ ความรับผิดชอบต่อครอบครัว จะนำให้คนประพฤติปฏิบัติในทางที่จะนำความสุข ความเป็นปึกแผ่น ความสุขและความมีหน้ามีตามาสู่ครอบครัว ความรับผิดชอบต่อการงาน ย่อมจะทำให้การงานลุล่วงอย่างมีประสิทธิภาพ จะส่งผลให้ตนเองและหน่วยงานนั้น ๆ มีความเจริญก้าวหน้า
ประเทศชาติจะเจริญก้าวหน้ามั่นคง ทุกฝ่ายทุกคนในชาติต้องมีจิตสำนึกในความรับผิดชอบร่วมกันอย่างถ้วนหน้า
2.3.4 สุขภาพ การพัฒนาสุขภาพพลานามัย เพื่อพัฒนาให้คนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าต่อสังคม เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง คนเราจะต้องมีสุขภาพพลานามัย และสุขภาพจิตที่สมบูรณ์ เพื่อการทำงานหรือการปฏิบัติภารกิจดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ การบริการทางด้านสาธารณสุขจึงเป็นสิ่งจำเป็น เช่นให้การศึกษาแก่ประชาชนในเรื่องการระวังสุขภาพ การป้องกันตนเองจากโรคภัยไข้เจ็บ ให้การป้องกันและรักษาโรค วางมาตรการเกี่ยวกับการอุปโภคและบริโภคที่ปลอดภัย เช่น ด้านโภชนาการ , สุขาภิบาล , การวางแผนครอบครัว ฯลฯ
โรคภัยไข้เจ็บเมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่เพียงแต่จะร่างกายอ่อนแอ ขวัญและกำลังใจ ตลอดจนสมรรถภาพในการทำงานย่อมจะเสื่อมลงเท่านั้น แต่จะกระทบกระเทือนต่อภาวะเศรษฐกิจในครัวเรือนด้วย ถ้าประชาชนอ่อนแอ เศรษฐกิจทรุด ประเทศชาติย่อมจะทรุดตามด้วยโดยมิต้องสงสัย
2.3.5 คุณธรรม สังคมที่เหนียวแน่นมั่นคงนั้น คนในสังคมนอกจากจะมีความรู้มีความสามารถแล้ว จิตใจของคนในสังคมจะต้องหล่อหลอมให้อยู่ในจุดเดียวกัน เพื่อรักษาความภาคภูมิใจในคุณลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ของสังคมนั้น เพื่อการปฏิบัติร่วมกันในการจรรโลงสังคม คนผู้มีความรู้สูงหากขาดความเป็นคนดีมีคุณธรรมแล้ว ความรู้นั้นก็หาได้บังเกิดผลดีมีคุณค่าแต่ประการใดไม่ คนก็จะใช้ความรู้และความสามารถที่เหนือกว่านั้น เบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบและข่มเหงรังแกผู้อื่น และถ้าคนเราขาดจุดหมายสำคัญที่จะร่วมกันผดุงไว้ บรรยากาศก็จะเป็นไปในลักษณะตัวใครตัวมัน ขาดความร่วมมือ ความรัก และความอบอุ่น ถ้าหากส่วนรวมปราศจากบรรยากาศที่ดีเสียแล้ว แต่ละคนซึ่งต่างก็หวังที่จะอยู่ในบรรยากาศที่ดีได้อย่างไร สำหรับคุณธรรมที่ส่งเสริมสามัคคีธรรมเพื่อให้เกิดบรรยากาศที่น่าปราถนาได้แก่
- การดำรงและส่งเสริมเอกลักษณ์ของชาติ เอกลักษณ์ของชาตินั้น นอกจากเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงความเป็นชาติ และลักษณะไทยว่าแตกต่างจากชาติอื่นแล้ว ยังมีความสำคัญต่อความอยู่รอด ความมั่นคง และความเจริญก้าวหน้าของชาติไทยอีกด้วย การที่ประเทศไทยซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานชาติหนึ่งในโลก สามารถดำรงความเป็นอิสระปกครองประเทศเป็นปึกแผ่นมากกว่า 700 ปี มาจนบัดนี้ ก็เนื่องมาจากชาวไทยมีเอกลักษณ์สำคัญ ซึ่งสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงให้ชื่อว่า คุณธรรม 3 ประการของชนชาติไทย คือ ความรักอิสระเสรีประการหนึ่ง ความปราศจากวิหิงสาหรือการไม่เบียดเบียนผู้อื่นประการหนึ่ง และความฉลาดในการประสานประโยชน์อีกประการหนึ่ง
นอกจากเอกลักษณ์สำคัญทั้งสามประการนี้แล้ว เรายังมีเอกลักษณ์สำคัญที่ควรแก่การภาคภูมิใจอีกหลายประการ เช่น ความโอบอ้อมอารี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีเมตตากรุณาต่อผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ตกทุกข์ได้ยาก ความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณอันมี บิดา มารดา บุพการี ครูบาอาจารย์ ประมุขผู้ปกครองตลอดจนประเทศชาติเป็นอาทิ ความรัก ความผูกพันอันแน่นแฟ้นของสมาชิกในครอบครัวไทยเหล่านี้ เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นไทย หรือเอกลักษณ์ไทย มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีคุณธรรมบางอย่างแม้เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเราไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ และไม่ระมัดระวังในการปฏิบัติแล้ว ก็อาจนำไปสู่เอกลักษณ์ที่ไม่ดีได้ เช่น ความฉลาดในการประสานประโยชน์อาจนำไปสู่การเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเป็นการคดโกงหรือทุจริต ในทำนองเดียวกันความรักความผูกพันระหว่างสมาชิกในครอบครัวก็อาจทำให้คนเรารักแต่เฉพาะสมาชิกในครอบครัวของตน จนขาดความสามัคคีกับผู้อื่นและขาดความยุติธรรมได้
อีกประการหนึ่ง เอกลักษณ์มิใช่สิ่งที่มั่นคงถาวร แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลสมัยเพราะอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การที่วัฒนธรรมและเทคโนโลยีของต่างประเทศเข้ามาทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของสังคมไทยค่อยเปลี่ยนไป เช่น ในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัว ครูกับศิษย์ เยาวชนกับศาสนา ซึ่งนับวันจะห่างกันยิ่งกว่าที่ได้เคยเป็นมา
โดยที่เอกลักษณ์เป็นสิ่งที่แปรเปลี่ยนได้ จึงจำเป็นที่ชนชาวไทยจะได้ช่วยกันอนุรักษ์เอกลักษณ์ที่มีความสำคัญและดีงามอยู่เดิมนั้นให้คงอยู่ต่อไป ขจัดและสกัดกั้นสิ่งที่ไม่เหมาะสมต่าง ๆ ทั้งที่มีอยู่เดิมและจากแหล่งภายนอก ในขณะเดียวกันควรส่งเสริมคุณธรรม ค่านิยมที่เอื้อต่อการพัฒนา เช่นการพึ่งตัวเองให้มากยิ่งขึ้นด้วยการกระทำเช่นนี้ได้ชื่อว่าเป็นการสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ซึ่งเป็นงานที่สำคัญมาก เพราะเอกลักษณ์ของชาตินั้น นอกจากจะเป็นบ่อเกิดแห่งความภาคภูมิใจของคนในชาติแล้ว ยังเป็นจุดรวมที่ช่วยให้เกิดการประสานความคิด ประสานจิตใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความสามัคคีของปวงชนและความมั่นคงของชาติอีกด้วย
- อุดมการณ์ ความสำเร็จของการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในชาติจะแน่นอนขึ้น ถ้ามีการพัฒนาอุดมการณ์ขึ้นมา เป็นแนวทางในการอยู่ร่วมกันในสังคม ความมั่นคงของสังคมขึ้นอยู่กับการยอมรับ และยึดมั่นในอุดมการณ์เดียวกันของคนในสังคม ประเทศที่ยิ่งใหญ่ทุกประเทศจะยึดอุดมการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแนวนำประเทศ ผู้นำและประชาชนของประเทศจะมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เป้าประสงค์และผลประโยชน์ของประเทศ คืออะไร และจะดำเนินนโยบายและดำเนินการอย่างไร เพื่อบรรลุเป้าหมาย
- ศาสนา ศาสนาเป็นหลักยึดมั่นประจำใจคน สอนให้คนมีจิตใจสงบและประกอบคุณงามความดี คนไทยนั้นมีเสรีภาพในการนับถือศาสนาใด ๆ ก็ได้ จุดเด่นของคนไทยคือผู้ที่นับถือศาสนาต่างกัน สามารถอยู่ร่มกันได้โดยไม่มีปัญหาขัดแย้งใด ๆ ยามเมื่อชาติมีภัยก็ยังร่วมกันต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคให้ประเทศชาติรอดพ้นภัยอันตรายมาได้
- วัฒนธรรม วัฒนธรรมหมายถึงความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางคุณธรรม และศีลธรรมแต่ละชาติจะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน นับแต่การแต่งกาย, ภาษา, ศิลปการแสดง และสถาปัตยกรรม วัฒนธรรมที่ดีงามเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเจริญงอกงามในด้านของวัตถุ และในด้านจิตใจ นำความภาคภูมิใจ หล่อหลอมจิตใจคนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการที่จะดำรงไว้ และทำนุบำรุงสิ่งอันน่าภาคภูมิใจของชาติไว้
- ศีลธรรม การพัฒนาคนของเราทุกวันนี้ ควรจะปูพื้นฐานด้วยศีลธรรมเป็นหลัก สังคมที่ปราศจากศีลธรรมก็เปรียบเสมือนกีฬาที่ปราศจากกติกาซึ่งชอบด้วยเหตุผล ย่อมจะมีการทุจริต คดโกงและละเมิดสิทธิของผู้อื่น ศีลธรรมจึงเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาคน คนที่มีความรู้ความสามารถถ้าขาดคุณธรรม ขาดศีลธรรมเสียแล้ว ย่อมจะใช้สิ่งเหล่านี้เอาเปรียบและเบียดเบียนผู้อื่น สร้างความวุ่นวายแก่สังคมได้ ยิ่งเทคโนโลยีก้าวไกลมากเท่าใด การพัฒนาจิตใจคนให้มีศีลธรรมยิ่งจะมีความจำเป็นมากขึ้น
2.3.6 ความเป็นธรรม คนในสังคมจะต้องได้รับหลักประกันในเสรีภาพ และความปลอดภัย ได้รับความยุติธรรม ความเป็นธรรม อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันในสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ อาทิเช่น โอกาสมีโอกาสในการศึกษา, ความก้าวหน้าตามความรู้ความสามารถ, การได้รับความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพตามขอบเขตกฎหมาย และการได้รับบริการทางสังคมเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ คุณภาพ และคุณธรรม
2.4 ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านการทหารและป้องกันประเทศ
การที่ประเทศชาติจะมีความมั่นคงทางการทหารเพียงใดนั้น นอกจากจะต้องมีกำลังทหารอาวุธยุทโธปกรณ์ในการป้องกันประเทศ และรักษาความสงบสุขภายในประเทศอย่างเพียงพอแล้ว กำลังทหารและหน่วยถืออาวุธดังกล่าว ยังจะต้องมีคุณภาพ อุดมการณ์ วินัย มีขวัญและกำลังใจสูง รวมทั้งมีความเป็นปึกแผ่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นอกจากนั้น ยังจะต้องมีการดำเนินการทางยุทธศาสตร์ และยุทธิวิธีอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถเอาชนะการคุกคามทั้งภายในและภายนอกประเทศได้อีกด้วย
ในยามปกติ กำลังทหารที่มีอยู่
จะมีขีดความสามารถในการป้องกันตนเพียงระดับหนึ่งเท่านั้น
ถ้าถูกข้าศึกใช้กำลังเข้ารุกรานก็จะต้องสามารถทำการต่อสู้ป้องกันให้ได้
และจะต้องทำให้ฝ่ายรุกรานตระหนักว่า
ฝ่ายรุกรานจะต้องประสบกับการต้านทานอย่างรุนแรง
และประสบความเสียหายอย่างหนัก
ทั้งยังไม่มั่นใจได้ว่าจะสามารถเอาชนะได้ ฉะนั้น
ฝ่ายรุกรานจึงน่าจะต้องยับยั้งชั่งใจอย่างหนัก
และพิจารณาถึงอัตราการเสี่ยงและการสูญเสียที่จะบังเกิดขึ้นก่อนที่จะทำการรุกราน
ค่าใช้จ่ายในการใช้กำลังอำนาจทางการทหาร เพื่อดำเนินการสงครามนั้น
นับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่แพงมหาศาลมากในปัจจุบัน
เพราะยุทโธปกรณ์สมัยใหม่นั้นค่อนข้างสลับซับซ้อน
ต้องอาศัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูง จึงทำให้มีราคาแพงมาก
เกินขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศทั่ว ๆ ไปที่จะรับไว้ได้ แม้กระนั้นก็ตาม
บางประเทศก็จำเป็นต้องตัดสินใจเข้าสู่สงคราม
หากเศรษฐกิจไม่อำนวยให้ก็ต้องอาศัยหาวิธีกู้ยืมมาใช้จ่าย
ประเทศมหาอำนาจเอง
ก็ได้รับผลกระทบกระเทือนทางด้านเศรษฐกิจจากาการสงคราม
หรือการสนับสนุนให้ประเทศอื่นดำเนินการสงคราม อย่างที่เรารู้จักกันว่า "สงครามตัวแทน" (Proxy War) ในห้วงสงครามเย็นนั้น
ก็มีตัวอย่างให้เห็นเด่นชัด ในสงครามเวียดนาม สหรัฐฯ ต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณวันละ
63 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สงครามระหว่างอิรักกับอิหร่านในปี
พ.ศ.2523 ซึ่งใช้เวลานานถึง 10
ปีเศษ
เพียงช่วงระยะเวลา 18 เดือน นับตั้งแต่เริ่มต้นสงคราม
ประมาณว่าทั้งสองฝ่ายคือคู่สงครามต้องเสียค่าใช้จ่ายถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สหภาพโซเวียตที่ต้องล่มสลายไปอันเป็นตัวอย่างอันดีของการใช้จ่ายในการดำเนินการสงครามในอาฟกานิสถาน
การสนับสนุนค่าใช้จ่ายการดำเนินการสงครามในเวียดนาม การสนับสนุนสงครามตัวแทนในยุโรป
และซีกโลกอื่น ๆ
รวมทั้งการตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายในด้านการป้องกันประเทศอยู่ในเกณฑ์สูง
ทำให้เกิดผลกระทบต่อฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศมาโดยลำดับ จนกระทั้งต้องล่มสลาย
และร้องขอความช่วยเหลือจากประเทศโลกเสรีในปัจจุบัน
ประเทศที่กำลังพัฒนาโดยทั่วไป
ย่อมมีข้อจำกัดที่จะดำเนินการสงครามเป็นอย่างมาก เพราะฐานะทางเศรษฐกิจไม่อำนายให้
นอกจากนั้น ยุทโธปกรณ์ที่จะต้องใช้ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถจะผลิตขึ้นใช้เองได้
จำเป็นต้องซื้อจากต่างประเทศ ฉะนั้น
แม้จะเกิดความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการสงคราม
หรือไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงการสงครามได้
เพราะถูกการรุกรานจากประเทศอื่นก็จะต้องหาวิธีที่จะยุติสงครามให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อมิให้ประเทศต้องสู่ความหายนะ
หรือล่มสลายลงไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ลักษณะของสงครามในปัจจุบัน
มีแนวโน้มของการใช้กำลังทหารในอนาคตว่าประเทศคู่สงครามไม่สามารถจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้โดยเด็ดขาด
คำว่าแพ้หรือชนะค่อนข้างจะไม่มีโอกาสนำมาใช้ในการรบปัจจุบัน
เมื่อการสู้รบดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง
และเห็นว่าจะสามารถบีบบังคับให้อีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติตามความต้องการของฝ่ายที่ได้เปรียบ
ก็อาจเสนอให้มีการหยุดรบและหาทางเจรจากัน
เพื่อมิให้ฝ่ายที่เสียเปรียบต้องประสบกับความหายนะอย่างรุนแรง
และเพื่อสงวนชีวิตของกำลังฝ่ายตนไว้
โดยใช้มาตรการด้านอื่นเข้าควบคุมบีบบังคับให้ฝ่ายตรงกันข้ามยอมจำนน เช่น
การปิดล้อมทางเศรษฐกิจ ฯลฯ เป็นต้น
ซึ่งเป็นการเสียค่าใช่จ่ายที่น้อยกว่าการเข้าดำเนินการสงครามโดยตรง ดังนั้น
ประเทศต่าง ๆ จึงพยายามหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทหารแก้ไขปัญหา
โอกาสที่จะนำกำลังทหารของชาติไปใช้ในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ
จึงมีแนวโน้มไปในทางลดน้อยลง เว้นแต่
จะเป็นการปฏิบัติไปตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงขององค์การสหประชาชาติเท่านั้น
2.4.1 ภารกิจและหน้าที่ของกองทัพไทย สำหรับกองทัพไทยนั้น มีภารกิจในการป้องกันประเทศ, การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ, การรักษาความมั่นคงภายใน และการพัฒนาประเทศ
ทหารหรือกองทัพ จะมีบทบาทในการป้องกันรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติตรงตามความหมายที่แท้จริง กล่าวคือ การป้องกันรักษาเอกราชของชาติ หมายถึงการป้องกันรักษามิให้ชาติตกอยู่ใต้อำนาจของต่างชาติ ซึ่งคำว่า อำนาจ ในที่นี้หมายถึง อำนาจทางการเมือง หรือ การปกครอง ของต่างชาติเป็นสำคัญ การป้องกันรักษาเอกราชของชาติจึงเป็นบทบาทของทหารในด้านความมั่นคงทางการเมืองระหว่างประเทศ
ส่วนการป้องกันรักษาอธิปไตยของชาตินั้น ก็หมายถึงการป้องกันรักษาอำนาจอธิปไตย หรืออำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศให้เป็นของประชาชนตลอดไป ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามหลักอธิปไตยของปวงชนอัน เป็นหลักการสำคัญหรือเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง
การรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน เป็นงานเสริมของกองทัพที่ต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือค้ำจุนประเทศชาติให้มีความมั่นคง พร้อมที่จะพัฒนาทางด้านการเมืองต่อไปได้ เป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐทางฝ่ายพลเรือนในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อมิให้สังคมต้องประสบความสูญเสียจากการก่อความวุ่นวายขึ้นภายในประเทศ แต่อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวนี้ได้เกิดผลกระทบในเชิงลบต่อกองทัพเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการดำเนินการที่ไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์ของกองทัพนั่นเอง
การรักษาความมั่นคงภายใน เป็นภารกิจอีกประการที่กองทัพไทยได้กระทำมาเป็นเวลาหลายสิบปี ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในอุดมการณ์ด้านการปกครองประเทศ ระหว่างประชาธิปไตย กับคอมมิวนิสต์ หรือแม้แต่ในปัจจุบันเราก็ยังมีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในที่คอยแก้ปัญหาความมั่นคงภายในประเทศอยู่ โดยเฉพาะปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง
การพัฒนาประเทศ สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาเช่นประเทศไทยเรานี้ กองทัพมีส่วนสำคัญอย่างมากในโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโครงการพระราชดำริ หรือโครงการของรัฐบาลก็ตาม
2.4.2 ประสิทธิภาพของกองทัพ ประสิทธิภาพของกองทัพนั้นอยู่ที่
- ผู้นำที่ดี
- ทหารมีความสามัคคี มีความกล้าหาญ เสียสละ อดทน มีวินัย ขวัญและกำลังใจเข็มแข็ง
- อาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย มีประสิทธิภาพ
- ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี เหมาะสม
- วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็มีความสำคัญต่อการสร้างศักยภาพของกองทัพทั้งในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะขนส่ง และการสื่อสาร
ความมั่นคงทางด้านการทหาร หรือการป้องกันประเทศนั้น ถ้ามีขีดความสามารถสูงพอก็จะสามารถป้องปราม และเผชิญต่อภัยคุกคามทั้งภายนอก และภายในได้
2.5 ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านอื่น ๆ เนื่องจากในแต่ละห้วงเวลา
และการเปลี่ยนแปลงของวิทยาการ
วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
ยุคสมัยของสังคม
มีผลกระทบต่อการแบ่ง
หรือการกำหนดพลังอำนาจแห่งชาติ
การแบ่งองค์ประกอบของสังคม
หรือการแบ่งองค์ประกอบของความมั่นคงแห่งชาติด้วย
ดังนั้นเราจึงควรได้มีการเปิดแนวทางการประเมินความมั่นคงแห่งชาติ
ไว้ให้กับปัจจัยที่เด่นขึ้นมาในแต่ละห้วงด้วย
สำหรับในปัจจุบันนี้ความมั่นคงด้านอื่น ๆ ที่ควรนำมาพิจารณาก็คือ
ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านสิ่งแวดล้อม
และความมั่นคงแห่งชาติทางด้านข้อมูลข่าวสาร
2.5.1 ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นการพิจารณาองค์ประกอบด้านเทคโนโลยีของชาติ ว่ามีความก้าวหน้ามากน้อยเพียงใด สามารถสร้างสรรค์ผลงานด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีด้วยตนเองหรือไม่ หรือต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ ซึ่งผลของการต้องพึ่งพาเทคโนโลยีผู้อื่นนั้น ก็จะทำให้ความมั่นคงในด้านนี้ของตนลดน้อยลงไป
2.5.2 ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านสิ่งแวดล้อม เป็นการพิจารณาองค์ประกอบทางด้านสิ่งแวดล้อมภายในชาติ ซึ่งจะมีผลต่อภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงในอนาคต นอกจากนี้จะยังส่งผลต่อทั้งทรัพยากรมนุษย์ ที่จะถูกลดทอนประสิทธิภาพอันเป็นผลจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ และส่งผลต่อทรัพยากรธรรมชาติ ที่ถูกทำลายไปซึ่งก็จะทำให้พลังงาน คุณประโยชน์ที่ควรจะได้รับจากธรรมชาติได้สูญหายไปด้วย
2.5.3 ความมั่นคงแห่งชาติทางด้านข้อมูลข่าวสาร เป็นความมั่นคงที่มีความสำคัญขึ้นมาตามยุคสมัย อันเป็นผลจากกระแสโลกาภิวัตน์ที่เชื่อมต่อโลกเข้าด้วยกัน ทำให้การติดต่อสื่อสาร การแพร่กระจายของข้อมูลข่าวสารเป็นไปได้อย่างง่ายได้ ผลกระทบที่ติดตามมาก็คือ ความไม่เท่าเทียมกันในการบริโภคข้อมูล การบริโภคข้อมูลที่มากเกินไป การถูกข้อมูลที่บิดเบือนนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด การเข้ามาทำลายข้อมูลจากกลุ่มที่ไม่หวังดี การบริโภคข้อมูลที่ไม่เหมาะสมของเยาวชนในสังคม และปัญหาอันเนื่องมาจากข้อมูลข่าวสารอีกนานับประการ
ในเรื่องความมั่นคงทางด้านข้อมูลข่าวสารนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ ดังนั้นการขาดความเข้าใจ และขาดการเรียนรู้ในเรื่องนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อไปในอนาคต
3. บทสรุป
การประเมินค่าความมั่นคงแห่งชาติ สำหรับประเทศหนึ่งประเทศใดทั่วไปนั้น อาจสรุปได้ว่า ประเทศใดก็ตามที่มีความมั่นคงทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม-จิตวิทยา การทหาร และด้านอื่น ๆ สูง ก็ถือได้ว่า ประเทศนั้นมีความมั่นคงแห่งชาติมาก
อย่างไรก็ตาม ความมั่นคงแห่งชาติโดยรวมนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับความมั่นคงทุกด้าน ที่มีส่วนสัมพันธ์กันอย่างเหมาะสม กล่าวคือ บางประเทศอาจมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง มีรายได้ประชาชาติมาก ประชาชนส่วนรวมอยู่ดีมีสุข แต้ถ้าหากความมั่นคงด้านอื่นน้อย เช่นทางด้านการทหารอยู่ในระดับต่ำ เช่นนี้ จะถือเอาว่าประเทศนั้นมีความมั่นคงแห่งชาติสูงไม่ได้ ตัวอย่าง ที่แสดงให้เห็นชัดก็คือ กลุ่มประเทศทางตะวันออกกลาง เป็นต้น หรือแม้แต่ประเทศในยุโรป เช่นประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อบุคคลต่อปีสูงสุดในโลก ก็หาได้มีความมั่นคงแห่งชาติโดยรวมสูงของโลกไม่ ฉะนั้น การพิจารณาประเมินค่าความมั่นคงแห่งชาติ จะต้องไม่มุ่งเพ่งเล็งเพียงด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะไม่ เช่น ด้านเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว หรือพิจารณาเฉพาะอำนาจและประสิทธิภาพของอาวุธ หรือพิจารณาเฉพาะอำนาจกำลังทหารแล้วสรุปง่าย ๆ ว่า ถ้าชาติใดมีปัจจัยดังกล่าวมากกว่าแล้ว จะต้องเป็นฝ่ายที่มีความมั่นคงแห่งชาติสูงกว่าอีกชาติหนึ่ง หรือจะสามารถรักษาความสงบของประเทศได้เสมอไป