ปรัชญา (philosophy) มีที่มาจากภาษาสันสกฤต หมายถึงความรู้อันประเสริฐ โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า ปฺร ที่แปลว่าประเสริฐ กับ คำว่า ชฺญา ที่แปลว่ารู้ ซึ่งเป็นศัพท์บัญญัติของพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ในภาษาอังกฤษคำว่า philosophy มีรากศัพท์มาจากคำ philo-sophia (Φιλοσοφία) ในภาษากรีก philos แปลว่าความรัก และ sophia แปลว่าความรู้ เมื่อรวมกันจึงมีความหมายว่า "การรักในความรู้" หรือ ปรารถนาจะเข้าถึงความรู้หรือปัญญา
ปรัชญา ตามพจนานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน แปลว่า วิชาว่าด้วยหลักแห่งความรู้และหลักแห่งความจริง
กล่าวคือ ในบรรดาความรู้ทั้งหลายของมนุษยชาติ นั้น อาจแบ่งได้เป็นสองเรื่องใหญ่ ๆ
เรื่องที่หนึ่ง คือ เรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติิ เช่น ฟิสิกส์ มีเป้าหมายในการศึกษาเกี่ยวกับสสารและพลังงาน ชีววิทยา มีเป้าหมายในการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งทีมีชีวิตทั้งหลาย เคมี มีเป้าหมายในการศึกษาเกี่ยวกับธาตุและองค์ประกอบของธาตุ เป็นต้น
เรื่องที่สอง คือ เรื่องเกี่ยวกับสังคม เช่น เศรษฐศาสตร์ มีเป้าหมายในการศึกษาเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจของสังคม รัฐศาสตร์ มีเป้าหมายในการศึกษาเกี่ยวกับระบบการเมืองการปกครองของสังคม นิติศาสตร์ มีเป้าหมายในการศึกษาเกี่ยวกับระบบกฎหมายของสังคม เ็ป็้นต้น
แต่เป้าหมายในการศึกษาของปรัชญา นั้น ครอบคลุมความรู้และความจริง ในทุกศาสตร์์และในทุกสาขาความรู้ของมนุษย์ ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ทั้งผลจาการศึกษาของปรัชญา ก็สามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ ในทุกศาสตร์์และในทุกสาขาความรู้ของมนุษย์ด้วย
ดังนี้ จึงกล่าวได้ว่า ปรัชญา จึงเ็ป็น ความรู้ที่เป็นหลักแห่งความรู้ และจึงเป็น ความรู้ที่เป็นหลักแห่งความจริงด้วย
ผู้ที่ได้ศึกษาและเข้าใจปรัชญาแล้ว ย่อมสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ในศาสตร์ทั้งปวง และในทุกเรื่องรวมทั้งในเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของตนด้วย
(จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี) |